ศูนย์ข่าวศรีราชา - เจ้าท่าพัทยา เผยขณะนี้มีผู้ประกอบการเจ็ตสกีให้เช่าร่วมโครงการจัดทำประกันภัยเพื่อแก้ปัญหาขูดรีดนักท่องเที่ยวแล้วถึง 90% มั่นใจเข้าเป้าก่อนดีเดย์ 15 พ.ย.นี้ ด้านผู้ประกอบการเรือชี้การจัดทำประกันยังมีปัญหา หลังพบผู้ประกอบการหัวใสแอบเจรจาเรียกค่าเสียหายก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการตรวจสอบ
วันนี้ (14 พ.ย.) นายรณกจ เอกะสิงห์ รองนายกเมืองพัทยา พร้อมด้วย นายชาคร กัญจนะวัตตะ นายอำ เภอบางละมุง เป็นประธานการประชุมร่วมตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบการเรือเจ็ตสกีพัทยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมหารือเกี่ยวกับความคืบหน้าการจัดทำประกันภัย และการเปลี่ยนแปลงประเภทการใช้ของเรือเจ็ตสกีในพื้นที่เมืองพัทยา ซึ่งเป็นมาตรการสำคัญในการแก้ไขปัญหาการประกอบการเรือเจ็ตสกีในพื้นที่ หลังได้รับการร้องเรียนอย่างต่อเนื่องว่า มีการข่มขู่ ขูดรีดทรัพย์สินจากนักท่องเที่ยวกรณีค่าเสียหายเหตุเรือชน จนได้รับการประสานงานจากสถานทูตจีน และอินเดีย เพื่อให้รัฐบาลไทยแก้ไขปัญหาดังกล่าว
นายรณกิจ กล่าวว่า การจัดทำประกันภัยเรือจะป้องกันปัญหาการเรียกค่าเสียหายเกินจริงจากนักท่องเที่ยว โดยจังหวัดชลบุรี มีคำสั่งให้ผู้ประกอบการเรือเจ็ตสกีทุกลำที่ขึ้นทะเบียนทำประกันภัยให้มาขอเปลี่ยนประเภทจากเรือสำราญกีฬา เป็นเรือให้เช่าก่อนวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งหากรายใดยังไม่ดำเนินการจะไม่อนุญาตให้นำเรือออกทำมาหากินในอ่าวพัทยา รวมทั้งจะไม่อนุญาตให้เพิ่มปริมาณเรือประกอบการในอนาคต
ทั้งนี้ ตัวแทนจากสำนักงานเจ้าท่าพัทยา ระบุว่า หลังเปิดรับทำประกัน และเปลี่ยนประเภทเรือพบว่า จำนวนเรือที่ขึ้นทะเบียนไว้ 451 ลำ ปัจจุบันมีการมายื่นเปลี่ยนประเภทแล้ว 407 ลำ ขาดอีกเพียงไม่ถึง 5% ขั้นตอนก็จะสมบูรณ์ โดยจากนี้ก็คงจะอนุญาตให้เรือที่เข้าร่วมโครงการสามารถหากินได้ตามปกติ แต่ต้องอยู่ในกรอบกติกาที่กำหนด ทั้งเรื่องการประกันภัย และพื้นที่ทำกินตามแผนพัทยาโมเดล
ขณะที่ นายสนิท บุญมาฉาย ประธานชมรมเรือท่องเที่ยวพัทยา กล่าวว่า หลังจัดทำโครงการดังกล่าวพบว่า ยังมีปัญหาหลายด้านที่ต้องแก้ไข เช่น การร้องเรียนว่าปัจจุบันมีผู้ประกอบการหัวใสร่วมกับผู้ประกอบการร่มเตียง แอบเจรจาเรียกค่าเสียหายจากนักท่องเที่ยวก่อนที่ตัวแทนประกันจะเข้าเจรจา
ส่วนกรณีที่หลังเกิดเหตุแล้วจะต้องมีการเรียกเก็บค่าเสียหายส่วนแรก จำนวน 2,000 บาท หน่วยงานเกี่ยวข้องควรกำหนดให้ชัดเจนว่า ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะเมื่อหลังเกิดเหตุตัวแทนประกันไม่ลงไกล่เกลี่ยเจรจาตามเวลาที่กำหนด ก็ทำให้เกิดปัญหาทั้งในส่วนของนักท่องเที่ยว และการส่งซ่อมบำรุงของผู้ประกอบการ
อย่างไรก็ตาม จากผลสรุปของการประชุมระบุว่า การจะใช้มาตรการเด็ดขาดจัดการต่อผู้ประกอบการที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายสร้างความเสียหาย ด้วยการเรียกเก็บค่าเสียหายส่วนแรก จะต้องมีการจัดทำเอกสารการเช่าเรือให้นักท่องเที่ยวลงนามต่อการเช่าแต่ละครั้ง เพื่อแจ้งถึงส่วนที่อาจต้องมีส่วนร่วมต่อความเสียหายจากกรณีอุบัติเหตุ และมอบหมายให้ตัวแทนประกันภัยเพื่อความรวดเร็วในการตรวจสอบ พร้อมเร่งรัดในการซ่อมบำรุงเรือที่เสียหายอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป