xs
xsm
sm
md
lg

อย่างมันส์! บุรีรัมย์แข่งพาย “กะละมัง-เรือหาปลา” เสริมท่องเที่ยวสร้างสามัคคีท้องถิ่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ผู้นำชุมชนร่วมอบต.แคนดง อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ จัดแข่งขันเรืออีโปง เรือกระสวย ใช้หาปลา และแข่งพายกะละมังท่ามกลางสีสันกองเชียร์ทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่สุดคึกคัก วันนี้ ( 8 พ.ย.)
บุรีรัมย์ - ผู้นำชุมชน ร่วม อบต.จัดแข่งขันเรืออีโปง เรือกระสวย ซึ่งเป็นเรือพื้นบ้านใช้หาปลา และแข่งพายกะละมังท่ามกลางสีสันกองเชียร์ทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่สุดคึกคัก เพื่อเสริมสร้างความสามัคคีในชุมชน ทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวในท้องถิ่น พร้อมการละเล่นพื้นบ้านหนูนาพาโชค หารายได้เข้าวัด

วันนี้ (8 พ.ย.) ผู้นำชุมชนบ้านโคกสว่าง ม.6 ต.หัวฝาย อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลแคนดง จัดแข่งขันเรืออีโปง และเรือกระสวยขนาด 5 ฝีพาย ซึ่งเป็นเรือพื้นบ้านที่ใช้ในการประกอบอาชีพหาปลาของชาวบ้าน ที่บริเวณอ่างเก็บน้ำลำตะโกง วัดบ้านโคกสว่าง เพื่อเป็นการอนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของท้องถิ่น ทั้งเสริมสร้างความรักความสามัคคีของคนในชุมชน และส่งเสริมการท่องเที่ยว ทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

พร้อมกันนี้ ยังมีการจัดแข่งขันพายกะละมังเพื่อสร้างสีสันภายในงานด้วย ท่ามกลางบรรยากาศกองเชียร์ทั้งรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ ส่งเสียงเชียร์กันอย่างคึกคักสนุกสนาน จน นายรังสิกร ทิมาตฤกะ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ ที่มาเป็นประธานเปิดงานอดใจไม่ไหวได้นั่งเรือลงไปมอบเงินรางวัลให้แก่ผู้แข่งขันพายกะละมัง แต่ระหว่างมอบเงินรางวัลได้เกิดเสียการทรงตัวตกน้ำจนเปียกทั้งตัว สร้างเสียงหัวเราะ และรอยยิ้มให้แก่บรรดากองเชียร์ และผู้มาร่วมงาน

นอกจากนั้น ภายในงานยังได้จัดให้มีการละเล่นพื้นบ้าน ทั้งหนูนาพาโชค ตักปลาพาโชค เพื่อหารายได้เข้าวัดอีกด้วย สำหรับการแข่งขันเรืออีโปง และเรือกระสวยในครั้งนี้นอกจากจะมีชาวบ้านทั้ง 11 หมู่บ้านใน ต.หัวฝาย เข้ามาร่วมการแข่งขันแล้ว ยังมีชาวบ้านในเขต อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ และ อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ นำเรือมาร่วมแข่งขันกันอีกด้วย

นายสังวาลย์ ตะริดโน ผู้ใหญ่บ้านบ้านโคกสว่าง ม.6 กล่าวว่า การจัดแข่งขันเรืออีโปง และเรือกระสวยในครั้งนี้ ซึ่งเป็นเรือพื้นบ้านที่ใช้การหาปลาที่เป็นวิถีชีวิตประวันจำของชาวบ้านเพื่อเป็นการอนุรักษ์สืบสานประเพณีอันดีงามของชาวอีสาน ทั้งเป็นการสร้างความสามัคคีของคนในชุมชน ทั้งกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายในชุมชนท้องถิ่นอีกด้วย





กำลังโหลดความคิดเห็น