กาญจนบุรี - สสจ.กาญจนบุรี เตรียมพร้อมแผนเผชิญเหตุฉุกเฉินช่วยเหลือผู้อพยพหากสถานการณ์ชายแดนไทย-พม่า ตึงเครียดหลังรู้ผลเลือกตั้งสหภาพพม่า ระหว่างพรรคเอ็นแอลดีของ “อองซานซูจี” กับพรรคยูเอสดีพีของ “ประธานาธิบดีเต็งเส่ง” ขณะที่สถานการณ์ตามแนวชายแดนพื้นที่บริเวณด่านพรมแดนบ้านพระเจดีย์สามองค์ แต่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงที่รับผิดชอบตามแนวชายแดนไทย-พม่า ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวข้ามไปฝั่งกิ่งอำเภอพญาตองซู
วันนี้ (8 พ.ย.) ซึ่งเป็นวันลงคะแนะเลือกตั้งของประเทศสหภาพพม่า ระหว่างพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) ของนางอองซานซูจี และพรรคสหสามัคคีและการพัฒนา (ยูเอสดีพี) ของประธานาธิบดีเต็งเส่ง ผู้นำเมียนมา ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล โดยหลังรู้ผลการเลือกตั้งว่าใครเป็นฝ่ายชนะอาจจะมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นตามแนวชายแดน โดยเฉพาะหากพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) ของนางอองซานซูจี เป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง
สำหรับสถานการณ์ตามแนวชายแดนพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี บริเวณด่านพรมแดนบ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี ที่มีแนวเขตชายแดนติดกับกิ่งอำเภอพญาตองซู ประเทศพม่า ประชาชนฝั่งไทยยังคงดำเนินชีวิตตามปกติ แต่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงที่รับผิดชอบตามแนวชายแดนไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวข้ามไปฝั่งกิ่งอำเภอพญาตองซู ส่วนแรงงานชาวพม่า ที่ทำงานอยู่ตามโรงงานต่างๆ ได้เดินทางกลับไปลงคะแนนเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งของกิ่งอำเภอพญาตองซูกันอย่างคึกคัก
แต่เนื่องจากเกรงว่า หากพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) ของนางอองซานซูจี เป็นฝ่ายชนะ อาจจะมีเหตุการณ์ยิงปะทะกันเกิดขึ้น ทำให้ชาวพม่า กะเหรี่ยง มอญ รวมทั้งชาวไทย อพยพข้ามเข้ามายังฝั่งไทย ซ้ำรอยเหตุการณ์เมื่อพฤศจิกายน 2553 ที่ทหารพม่ามีมาตรการกวาดล้างชนกลุ่มน้อยเป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก โดยมีผู้อพยพเข้ามาอาศัยที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวบริเวณสนามกีฬาโรงเรียนบ้านซองกาเรีย สาขาพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู กว่า 4,000 คน โดยขณะนั้นมี พล.ต.ตะวัน เรืองศรี อดีตผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ เป็นผู้สั่งการดูแลความสงบด้วยตนเอง
นายแพทย์พนัส โสภณพงษ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ในส่วนของสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี ได้ประชุมวางแผนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้อพยพหากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แพทย์ และพยาบาลได้เตรียมความพร้อมด้านบุคลากร อุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมทั้งรถฉุกเฉิน และยารักษาโรคเอาไว้แล้ว โดยแผนที่วางไว้เบื้องต้นคือ ผู้อพยพที่เป็นชาวพม่า และกะเหรี่ยง หรือชาวมอญ จะให้ไปอยู่ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวบ้านเตาถ่าน หมู่ 9 ส่วนคนไทย ให้อยู่ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวโรงเรียนบ้านซองกาเรีย สาขาพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 เพื่อง่ายต่อการคัดกรองบุคคล
“แต่ถ้าหากเกิดสถานการณ์บานปลายมีผู้อพยพเพิ่มจำนวนมากขึ้น เหมือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2553 ก็จะประชุมวางแผนหาจุดที่เหมาะสมอีกครั้งหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีสถานการณ์ใดๆ เกิดขึ้น ในส่วนของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจึงเฝ้าระวังอยู่ในที่ตั้งต่อไป” นายแพทย์มนัส กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ โดยเฉพาะหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ ที่รับผิดชอบพื้นที่ตามแนวชายแดนด้านอำเภอสังขละบุรี ได้ประชุมวางแผนร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สังขละบุรี เจ้าหน้าที่ ตชด.ที่ 134 อ.สังขละบุรี เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอสังขละบุรี รวมทั้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลอำเภอสังขละบุรี เจ้าหน้าที่ ตม.กาญจนบุรี และผู้นำท้องถิ่น เพื่อวางแผนเผชิญเหตุฉุกเฉินหากเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้นจริง เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายจะบูรณาการในการให้ความช่วยเหลือผู้อพยพได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างแน่นอน ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายยังคงเฝ้าจับตามองสถานการณ์อยู่ในที่ตั้งของตนเอง