ลำปาง - ระดับน้ำ 2 เขื่อนใหญ่เมืองรถม้าลดระดับลงต่อเนื่อง ล่าสุดเขื่อนกิ่วลมเหลือน้ำแค่ 16.97% จนวิหารโบราณที่จมอยู่ใต้น้ำมาตลอดนับตั้งแต่สร้างเขื่อนเสร็จโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำอีกครั้งในรอบ 20 ปี หลังจากเคยโผล่ขึ้นมาให้เห็นครั้งแรกเมื่อปี 35
วันนี้ (5 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้น้ำในเขื่อนใหญ่ทั้ง 2 แห่งของ จ.ลำปาง คือเขื่อนกิ่วลม และเขื่อนกิ่วคอหมา ลดระดับลงอย่างต่อเนื่อง วานนี้เขื่อนกิ่วลมมีน้ำที่กักเก็บ 18.024 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 16.97% ของความจุอ่าง ปริมาณน้ำไหลลงอ่างประมาณ 0.455 ล้าน ลบ.ม./วัน ระบายลงแม่น้ำวัง 0.130 ล้าน ลบ.ม/วัน ขณะที่เขื่อนกิ่วคอหมามีปริมาณน้ำที่กักเก็บ 22.435 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 13.17% ของความจุอ่าง น้ำไหลลงอ่างประมาณ 0.035 ล้าน ลบ.ม./วัน งดการระบายลงแม่น้ำวัง
ล่าสุดพบว่าวิหารวัดเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 100 ปีของวัดวังขวาง ที่ตั้งอยู่กลางอ่างเก็บน้ำเขื่อนกิ่วลม ได้โผล่ขึ้นเหนือน้ำจนเห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งเหลือเพียงเศษอิฐที่พังทลาย และฐานวิหารเท่านั้น
นายปองพล ไชยยะ เจ้าของแพไชยนาวาทัวร์ เปิดเผยว่า จุดที่ตั้งของวัดแห่งนี้เดิมเป็นเขตที่แม่น้ำสองสาย คือ แม่น้ำวัง และน้ำแม่ต๋า ไหลมารวมกันที่ท้ายเขื่อนกิ่วลม และเป็นที่อยู่ของชาวบ้านชุมชนขนาดใหญ่ มีสิ่งปลูกสร้างหลายอย่างรวมทั้งวัดแห่งนี้ด้วย
แต่หลังจากที่ได้มีการสร้างเขื่อนกิ่วลมขึ้นเมื่อปี 2507 และได้มีการอพยพชาวบ้านในชุมชนนี้ออกไปยังพื้นที่ที่จัดสรรให้ แต่ไม่สามารถย้ายวัดวังขวาง และพระพุทธรูปดิน ที่อยู่ในวิหารออกไปได้ ต้องถูกปล่อยให้จมไปกับน้ำ กระทั่งปี 2512 การก่อสร้างเขื่อนแล้วเสร็จ วิหารดังกล่าวก็จมอยู่ในน้ำมาตลอด
จนปี 2535 เกิดวิกฤตการณ์น้ำในเขื่อนกิ่วลมแห้งอย่างหนัก ทำให้วิหารวัดวังขวาง โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำแล้วครั้งหนึ่ง จากนั้นก็จมอยู่ใต้น้ำต่ออีกกว่า 20 ปีแล้ว ซึ่งในปีนี้ เขื่อนประสบปัญหาน้ำในเขื่อนลดระดับลงมาเรื่อยๆ จนกระทั่งฐานวิหารโผล่มาให้เห็นอีกครั้งในรอบ 20 กว่าปี
ขณะนี้นักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจต่างเดินทางมาเที่ยมชมสถานที่โบราณแห่งนี้อย่างต่อเนื่อง และมีเรื่องมหัศจรรย์ตามความเชื่อของชาวบ้านในพื้นที่ และนักท่องเที่ยวที่พบเห็นโดยบังเอิญ คือ สิ่งที่ธรรมชาติสรรค์สร้างขึ้นมาที่หน้าผาสูง กล่าวคือ หากมองบนหน้าผาจะเห็นรูปคล้ายๆ องค์พระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ที่หน้าผา โดยเชื่อว่าพระพุทธรูปที่เคยประดิษฐานในพระวิหารวัดวังขวางที่ถูกน้ำกัดเซาะจนพังหายไป ได้ย้ายองค์พระไปประดิษฐานตรงหน้าผาสูงที่อยู่ใกล้ๆ กับพระวิหารที่จมน้ำนั่นเอง
สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปชมสามารถเข้ามาด้านหน้าเขื่อนกิ่วลม และจะเสียค่าใช้จ่ายในการนั่งเรือเข้าไปชมธรรมชาติและโบราณสถานต่างๆ โดยใช้เวลาในการเดินทางไปกลับประมาณ 1 ชั่วโมง หรือหากมาเป็นหมู่คณะก็สามารถเช่าแพไปท่องเที่ยวได้ ซึ่งแพยังสามารถให้การบริการตามปกติ