กาญจนบุรี - ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 บ้านโป่ง พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองลุยป่าบ้านแม่น้ำน้อย อำเภอไทรโยค ตรวจซากช้างป่าอายุกว่า 30 ปีล้ม เหตุติดเชื้อในกระแสเลือดรุนแรง พร้อมนิมนต์พระสงฆ์สวดบังสุกุล ก่อนเริ่มเผา คาดอีกประมาณ 2 วัน คงเผาเสร็จ
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าจากกรณีเมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่สายตรวจป้องกันและปราบปรามอุทยานแห่งชาติไทรโยค (ส่วนกลาง) ได้ออกเดินลาดตระเวนเข้าไปในพื้นที่ป่าบ้านแม่น้ำน้อยหมู่ 5 ต.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค เพื่อป้องกันการกระทำผิดเกี่ยวกับการลักลอบตัดไม้ และล่าสัตว์ป่า จนกระทั่งเวลาประมาณ 21.00 น. เจ้าหน้าที่พบช้างป่าเพศเมียอายุประมาณ 30 ปี อยู่ในสภาพอ่อนแรงซูบผอม เท้าหน้าข้างขวาได้รับบาดเจ็บ และบวม และล้ม (เสียชีวิต) ลงในเวลา 10.30 น.ของวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา และ อ.ดร.น.สพ.มาโนชญ์ ยินดี ผอ.โรงพยาบาลปศุสัตว์ และสัตว์ป่า ปศุปาลัน คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี พร้อมด้วย น.สพ.วรพงศ์ โกษารักษ์ พร้อมทีมงานเข้าพื้นที่จุดเหตุเพื่อทำการผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิตของช้างตัวดังกล่าว
ล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (2 ต.ค.) นายยรรยง เลขาวิจิตร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (ผอ.สบอ.3) (บ้านโป่ง) พร้อมด้วย นายประวัฒน์ พวงทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค พ.ต.ท.วัตรไชย รอดไหม รอง ผกก.สส.สภ.ไทรโยค ร.ท.กล้า แหวนเครือ นายทหารชุดควบคุมกรมทหารราบที่ 29 กองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ นานชลัต นายชลัส ตะเพียนทอง ปลัดอำเภอไทรโยค พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบซากช้างป่ายังจุดเกิดเหตุ พร้อมนิมนต์พระสงฆ์จากวัดในพื้นที่ จำนวน 4 รูป ไปทำพิธีทางศาสนา
สำหรับเส้นทางการเดินทางเป็นไปด้วยความยากลำบาก ต้องขับรถขึ้นเขาลงห้วยตลอดเส้นทาง อีกทั้งยังเป็นทางที่คับแคบ และเต็มไปด้วยป่าไผ่ จำเป็นต้องใช้รถยนต์ออฟโรดเท่านั้นจึงจะสามารถเข้าไปได้ สำหรับเส้นทางไปถึงจุดเกิดเหตุประมาณ 12 กิโลเมตร แต่ต้องใช้เวลาในการเดินทางนานกว่า 1 ชั่วโมง และต้องเดินเท้าไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร พบช้างตัวดังกล่าวล้มอยู่ห่างจากลำห้วยประมาณ 300 เมตร โดยมีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค รอคณะเจ้าหน้าที่อยู่
นายยรรยง เลขาวิจิตร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (ผอ.สบอ.3) (บ้านโป่ง) เปิดเผยภายหลังว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ช้างตัวดังกล่าวมีอายุอยู่ระหว่าง 30 ถึง 33 ปี ซึ่งถือว่าช้างยังไม่แก่ แต่เป็นช้างที่กำลังโตเป็นวัยรุ่นเต็มวัย
จากรายงานทราบว่า ช้างได้รับบาดเจ็บที่เท้าด้านขวามานานกว่า 5 เดือน และเจ้าหน้าที่ก็ได้ลาดตระเวนตามหาอยู่ตลอดเวลา เมื่อพบเจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถเข้าทำการรักษาได้เนื่องจากช้างค่อนข้างดุร้าย และไม่อยู่กับที่โดยจะเดินออกไปหากินในพื้นที่ต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถติดตามหาได้ จนกระทั่งวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่พบว่า ช้างตัวดังกล่าวหากินอยู่เพียงลำพัง สภาพผอม และอ่อนแรง ข้อเท้าบวม และเสียชีวิตลงในที่สุด
จากการผ่าพิสูจน์ซากของคณะแพทย์จากโรงพยาบาลปศุสัตว์ และสัตว์ป่า ปศุปาลัน คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี พบว่า สาเหตุการตายของช้างมาจากบาดแผลที่เท้าด้านหน้าขวาติดเชื้อในกระแสเลือดอย่างรุนแรง และเป็นโรคหัวใจโตอีกด้วย เชื่อว่าช้างที่ได้รับบาดเจ็บที่เท้าอย่างรุนแรงจึงเป็นสาเหตุทำให้ไม่สามารถเดินไปหาอาหารกินกับโขลงช้างป่าด้วยกันได้ จึงทำให้ซูบผอม ซึ่งในวันนี้ทางผู้นำท้องถิ่นได้นิมนต์พระสงฆ์มาทำพิธีทางศาสนาด้วย จากนั้นก็จะทำลายซากช้างด้วยการเผา
ด้าน นายประวัฒน์ พวงทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค กล่าวว่า สำหรับพื้นที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค มีอยู่ประมาณ 5 แสนไร่เศษ มีช้างอาศัยอยู่กว่า 60 ตัว ช้างที่มีอยู่บางครั้งก็จะเดินไปหากินยังฝั่งประเทศพม่า และระหว่างที่เจ้าหน้าที่พบช้างตัวดังกล่าวบาดเจ็บ ก็ได้มีการเฝ้าระวังด้วยการลาดตระเวนเพื่อติดตามหา แต่เนื่องจากช้างได้ไปหากินในป่าที่อยู่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านจึงยากต่อการติดตาม ทำให้ไม่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บของช้างได้