นครปฐม - รอง ผบ.ตร.ลงพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 7 เร่งติดตามคลี่คลายคดีฆ่าข่มขืนหญิงชราต่อเนื่องพื้นที่ 3 จังหวัด เชื่อจะต้องได้ตัวคนร้ายมีปัญหาทางจิต หวังให้ญาติผู้ต้องหาแจ้งเบาะแสสู่การติดตามจับกุม ก่อนจะเกิดเหตุซ้ำอีก
วันนี้ (30 ต.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ศูนย์ปฏิบัติการติดตามคนร้ายคดีข่มขืนต่อเนื่อง กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 7 พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น รอง ผบ.ตร.ที่ปรึกษา (ปป.11) เดินทางมาติดตามการเร่งคลี่คลายคดีข่มขืนหญิงชราต่อเนื่องในพื้นที่ 3 จังหวัด โดยมี พ.ต.อ.สมชาย รักเสนาะ รรท.ผบก.สส.ภ.7 พร้อมผู้บังคับการจังหวัดนครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และผู้กำกับการพื้นที่ที่เกิดเหตุ และชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 7 เข้านำข้อมูลต่างๆ มาประเมินในการติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีต่อไป
พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น รอง ผบ.ตร.ที่ปรึกษา (ปป.11) เปิดเผยว่า ในการติดตามคดีดังกล่าว ตนเองได้ลงพื้นที่เพื่อไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ และพบเหยื่อผู้ที่ถูกก่อเหตุถึง 8 แห่ง และได้นำข้อมูลต่างๆ มาประกอบวิเคราะห์ ทั้งจากข้อมูลเก่า และข้อมูลใหม่มาทำการตรวจสอบอย่างละเอียด ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้ทิ้งข้อมูลเก่า แต่จะมีการนำข้อมูลใหม่มาประกอบตลอดเวลา โดยมีการตรวจดีเอ็นเอไปแล้วหลายแสนคน และภาพสเกตช์เดิมก็ยังคงใช้ภาพเดิมอ้างอิงอยู่
“การลงมาตรวจสอบครั้งนี้ผมได้ติดตามการผลจาการสั่งการไปครั้งที่แล้วแต่ละสถานีว่าผลการทำงานจะเป็นอย่างไร เหมือนกับการร่อนตะแกรงเหล็กครั้งที่แล้วเราได้อะไรมาบ้าง ครั้งนี้เราเอาตะแกรงมาร่อนอีกครั้งเพื่อจะได้ดูว่าหลงเหลืออะไรอีก มีเศษอะไรที่หลงเหลือบ้างเราจะได้นำหลักฐานต่างๆ จากคนที่ยังไม่ได้ไปตรวจดีเอ็นเออีก ซึ่งจากสมมติฐานที่ตั้งไว้ คือ คนร้ายที่ก่อเหตุน่าจะเป็นบุคคลที่มีปัญหาทางจิต ที่เคยถูกหญิงสูงวัยเลี้ยงดูมาแลเกิดความอบอุ่นผูกพันกับหญิงสูงอายุ รวมถึงยังน่าจะมีปัญหาทางเพศที่อาจจะไม่กล้าแสดงตัวให้ใครได้รู้ ถึงได้มีการลงมือกับคนสูงอายุ” พล.ต.อ.ปัญญา กล่าว
ที่ปรึกษา ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า สำหรับคดีนี้กรณีที่มีการตั้งข้อสงสัยว่าผู้ก่อเหตุจะเสียชีวิตไปแล้ว ก็ได้มีการนำหลักฐานดีเอ็นเอที่มีอยู่มาคอยติดตามทุกอาทิตย์ เพื่อให้แน่ใจว่าคนร้ายนั้นยังไม่ได้เสียชีวิตไป และประเด็นที่ยังต้องติดตาม คือ คนร้ายใช้วิธีการอย่างไรในการเข้าใกล้ และถึงตัวเหยื่อได้ทุกครั้ง ซึ่งทุกข้อมูลนั้นยังจะต้องมีการไล่เก็บอย่างละเอียด แต่เชื่อว่าจะสามารถได้ตัวคนร้ายรายนี้เพราะได้เจาะวงแคบเข้าไปแล้ว
“สิ่งสำคัญ คือ หากมีญาติของคนร้ายที่มีการอาการทางจิตจะเห็นอาการแ ละยอมนำข้อมูลอาการป่วย และพฤติกรรมของคนร้ายที่อยู่ในลักษณะที่บอกมาคือ ผูกพันกับผู้สูงอายุ มีอาการทางเพศ ที่แปรปรวน และน่าสงสัยเข้าข่ายมาแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้การจบคดีนี้เร็วขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นคนที่เคยถูกเลี้ยงดูจากแม่ หรือยาย กับคนสูงวัยแล้วมีความสุข และผู้สูงอายุนั้นอาจจะเสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่ปี 52 หรือปี 53 โดยตอนนี้เชื่อว่าคนร้ายนั้นจะยังอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดคือนครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เรายังหวังว่าจะได้ข้อมูลจากตรงนั้นด้วย”
พล.ต.อ.ปัญญา กล่าวอีกว่า ตอนนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ หลังจากการก่อเหตุครั้งสุดท้ายเมื่อ 25มกราคม 58 ผ่านมาถึงตอนนี้ก็หลายเดือนแล้ว ซึ่งอาจจะทำให้คนร้ายสามารถก่อเหตุขึ้นมาอีกก็ได้ จึงจำเป็นจะต้องเร่งรัดให้มีการติดตามคดี และมีการวางมาตรการต่างๆ ให้รัดกุม และเหนียวแน่นเพื่อไม่ให้เกิดเหตุ ซึ่งตอนนี้ทุกสถานีฯ ที่เป็นพื้นที่จุดเสี่ยงได้มีการวางแผนรับสถานการณ์ไว้แล้ว
