ชาวนาอ่างทองผันอาชีพปลูกเมล่อนพืชใช้น้ำน้อยสู้ภัยแล้งสร้างกำไรงาม

อ่างทอง - ชาวนาอ่างทอง หนีปัญหาภัยแล้ง ผันอาชีพปลูกเมล่อนพืชใช้น้ำน้อยสู้ภัยแล้งขาย สร้างกำไรงาม เผยลงทุนประมาณ 3,500 บาท ในช่วง 3 เดือน เก็บผลผลิตนำไปขายตลาดได้ถึง 30,000 บาท

วันนี้ (29 ต.ค.) นางศิริ ดิลกวัฒนโยธิน อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57 หมู่ที่ 3 ตำบลคลองวัว อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง เกษตรกรทำนาที่ได้ผันอาชีพตัวเองหันมาปลูกเมล่อนแทนการทำนาเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัว เปิดเผยว่า ที่ตนผันอาชีพจากการทำนามาปลูกเมล่อนขาย เนื่องตากเมล่อนซึ่งเป็นพืชใช้น้ำน้อย ประกอบกับขณะนี้ประสบกับปัญหาภัยแล้งน้ำไม่เพียงพอใช้สำหรับทำนา จึงได้หันมาใช้พื้นที่ว่างเปล่าบริเวณหน้าบ้านพักเลขที่ 57 หมู่ที่ 3 ต.คลองวัว อ.เมือง จ.อ่างทอง ในการปลูกเมล่อนแบบโรงเรือนกลางมุ้ง หรือแบบปิด โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานเกษตรและสหกรณ์ในการสร้าง อีกทั้งยังได้รับคำแนะนำจากสำนักงานเกษตรจังหวัดในการเรียนรู้วิธีการปลูก โดยใช้เวลาเพียง 65 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตนำไปขายได้ นอกจากนี้ ทางสหกรณ์ยังได้เตรียมตลาดไว้รองรับสินค้าที่เกษตรกรนำไปจำหน่ายเพื่อเป็นการช่วยกระจายสินค้าด้วย

นางศิริ ดิลกวัฒนโยธิน กล่าวว่า การปลูกเมล่อนนั้นนอกจากจะมีต้นทุนถูก และดูแลรักษาง่ายแล้ว ยังเป็นพืชที่ใช้น้ำน้อย ใช้เพียงการทำแบบระบบน้ำหยด โดยจะเปิดปิดเป็นเวลาทำให้ประหยัด และใช้น้ำน้อยมาก ส่วนการลงทุนครั้งแรกใช้เงินลงทุนประมาณ 3,500 บาท จะสามารถขายทำกำไรได้ถึง 30,000 บาท จึงถือว่าเป็นอาชีพที่สร้างรายได้อย่างงาม และเหมาะต่อสภาวะภัยแล้งเช่นนี้