เลย - ผู้อำนวยการสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดใหญ่ที่ 12 ลงพื้นที่ อ.เชียงคาน เร่งชี้แจงโครงการก่อสร้างประตูระบายน้ำศรีสองรักษ์ ยันไม่ทำให้น้ำท่วม เหตุมีประตูระบายน้ำ ทั้งสามารถกักเก็บน้ำเพื่อเกษตรกรรมได้ แต่สุดท้ายชาวบ้านยืนกระต่ายขาเดียวให้ล้มเลิกโครงการ
จากกรณีชาวบ้านในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย กว่า 150 คนเดินขบวนยื่นหนังสือต่อนายบรรพต ยาฟอง นายอำเภอเชียงคาน เพื่อทวงถามและขอให้ผู้เกี่ยวข้องชี้แจงโครงการก่อสร้างประตูระบายน้ำศรีสองรักษ์ จังหวัดเลย เนื่องจากชาวบ้านไม่เคยได้รับรู้รายละเอียดโครงการดังกล่าวมาก่อน ทั้งเกรงว่าหากก่อสร้างเกรงว่าน้ำจะท่วมทั้งหมู่บ้าน รวมทั้งเกิดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
ล่าสุด วันนี้ (22 ต.ค.) ที่บริเวณลานวัดบ้านกลาง ต.ปากตม อ.เชียงคาน นายบรรพต ยาฟอง นายอำเภอเชียงคาน ได้นัดชาวบ้านบ้านกลาง หมู่ที่ 3-8 ร่วมประชุมฟังคำชี้แจงประโยชน์และความเป็นมาของโครงการก่อสร้างประตูระบายน้ำศรีสองรักษ์ และสร้างความเข้าใจทั้งสองฝ่าย โดยมีเจ้าหน้าที่ของสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดใหญ่ที่ 12 กรมชลประทานมาเป็นวิทยากรชี้แจงข้อมูล มีชาวบ้านในพื้นที่ ต.ปากตม เข้าร่วมกว่า 300 คน
นายธีระ อิสระกุล ผู้อำนวยการสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดใหญ่ที่ 12 กรมชลประทาน ชี้แจงว่า ตามที่ชาวบ้านยื่นหนังถึงอำเภอเชียงคาน และศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเลย ขอให้ยุติการสร้างประตูระบายน้ำที่ตำบลปากตม เพราะมีความกังวลเรื่องน้ำท่วมซึ่งหมู่บ้านกลางเคยถูกน้ำท่วมเมื่อปี 2521 และปี 2545 สาเหตุน้ำท่วมเกิดจากธรรมชาติ ส่วนโครงการประตูน้ำศรีสองรักษ์ เป็นประตูน้ำที่สามารถยกบานระบายน้ำได้จะไม่ทำให้เกิดผลกระทบน้ำท่วม แต่พื้นที่บ้านกลางจะได้ประโยชน์จากการเก็บน้ำของประตูระบายน้ำศรีสองรักษ์
จากแผนงานของคณะกรรมการ มีพื้นที่จะได้รับประโยชน์กว่า 4,000 ไร่ ใช้งบประมาณก่อสร้างทั้งโครงการที่ 6,000 ล้านบาท สร้างประตูระบายน้ำสามารถยกประตูให้พ้นน้ำได้ 5 ช่องบานระบาย ความกว้างแต่ละช่อง 15 เมตร มีพื้นที่ส่งน้ำอีก 72,000 กว่าไร่ พร้อมสถานีส่งน้ำ และจากการสำรวจแม่น้ำเลยทั้งสองฝั่งจะไม่เกิดน้ำท่วม ส่วนที่ชาวบ้านข้องใจกรณีไม่ทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ เนื่องจากการทำประตูระบายน้ำไม่ใช่แม่น้ำสายหลัก ไม่อยู่ในข้อกฎหมายและกฎระเบียบจึงไม่จำเป็นที่ต้องกระทำ
ทั้งนี้ ภายหลังจากชาวบ้านได้รับการชี้แจงแล้ว ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้ และขอยืนกระต่ายขาเดียวให้ยุติโครงการก่อสร้างเนื่องจากภาครัฐไม่สามารถให้หลักประกันได้ว่าจะสามารถป้องกันน้ำท่วมได้