จันทบุรี - วัยรุ่นจันทบุรีเลือดร้อน ใช้อาวุธปืนยิงใส่กลุ่มวัยรุ่น 7-8 คน ที่นั่งดื่มกินกันอยู่ที่หน้าร้านขายอาหารตามสั่งกลางเมือง ส่งผลเจ็บ 1 ราย ตำรวจมุ่งประเด็นคู่อริเคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน
วันนี้ (18 ต.ค.) เมื่อเวลา 18.40 น. ตำรวจสายตรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองจันทบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองจันทบุรี ได้รับแจ้งจาก น.ส.ขนิษฐา ทองกระจ้อน อายุ 33 ปี ว่า มีเหตุวัยรุ่นใช้อาวุธปืนยิงเข้ามาในร้านขายอาหารตามสั่ง และทำให้คมกระสุนได้ถูกวัยรุ่นได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เหตุเกิดที่ร้านขายอาหารตามสั่ง ก่อนถึงแยกคลองทราย เลขที่ 35/4 หมู่ที่ 12 ตำบลท่าช้าง อำเภอเมือง ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาตรวจสอบด้วย
หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองจันทบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองจันทบุรี ได้รุดไปที่เกิดเหตุ เมื่อเดินทางไปถึงพบว่า เป็นร้านขายอาหารตามสั่งที่ตั้งอยู่ริมทาง และไม่พบผู้ที่ถูกยิงอยู่ในร้านขายอาหารตามสั่งแล้ว เนื่องจากเพื่อนๆ ของผู้ที่ถูกยิงได้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรีไปก่อนหน้านี้แล้ว
พบ น.ส.ขนิษฐา เจ้าของร้านอาหารตามสั่งยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ ตรวจสอบในที่เกิดเหตุไม่พบปลอกกระสุนปืน จึงได้ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะทราบชื่อผู้ที่ถูกยิง คือ นายขวัญนิพล กัลป์หาสียา อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45/77 หมู่ที่ 1 ตำบลท่าช้าง อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ถูกยิงที่มือซ้าย และขาด้านซ้าย ในจุดเกิดเหตุยังพบรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟีโน่ สีแดง หมายเลขทะเบียน 1 กข 3396 ที่มีคราบเลือดติดอยู่ป้ายทะเบียน หลังจากที่ นายวิชัย เหนือแจ้ง น้องชายของผู้ที่ถูกยิงได้ขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวพาผู้ที่ถูกยิงไปส่งที่โรงพยาบาล
จากการสอบถาม นายวิชัย เหนือแจ้ง น้องชายของผู้ที่ถูกยิง กล่าวว่า ในช่วงนั้นตนเอง เพื่อน และผู้ที่ถูกยิง 7-8 คน ได้นั่งดื่มกินกันอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนหน้าร้านขายอาหารตามสั่ง จากนั้นมีกลุ่มวัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์มาจอดหน้าร้านก่อนที่จะชักอาวุธปืนยิงใส่โดนพี่ชายของตนเอง หลังก่อเหตุเสร็จได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป จึงได้รีบนำตัวพี่ชายส่งโรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรี ก่อนที่จะโทร.แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ
เบื้องต้น ตำรวจสันนิษฐานว่า กลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้น่าจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทบาดหมางกันมาก่อน ก่อนกลุ่มที่ก่อเหตุจะมาเห็นคู่อริเก่านั่งดื่มกินกันอยู่จึงได้ก่อเหตุขึ้น ซึ่งจะได้เร่งติดตามกลุ่มที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
