เชียงใหม่ - เจ้าของ “กระรอกบิน” เชียงใหม่ออกมายอมรับผิดที่นักท่องเที่ยวจีนเข้าไปเล่นโหนลวดสลิงจนคอหักเสียชีวิต เป็นความผิดพลาดของพนักงาน และขอโทษญาติพร้อมจะรับผิดชอบทุกอย่าง ขณะที่ตำรวจเตรียมรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้อง
วันนี้ (13 ต.ค.) นายสันติ ปิติคาม เจ้าของสถานประกอบการกระรอกบิน แหล่งท่องเที่ยวแบบผจญภัย เหินเวหา (Zipline) ด้วยลวดสลิง ฐานความยาว 600 เมตร บ้านปงไคร้ ตำบลโป่งแยง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ได้ออกมายอมรับผิดกรณีนักท่องเที่ยวชื่อนางหว่าง ฉี แพทย์หญิงชาวจีน วัย 32 ปี ที่เข้าไปโหนสลิง ระหว่างฐานที่ 12 ไปยังฐานที่ 13 แล้วเกิดอุบัติเหตุทำให้คอหักเสียชีวิตว่า เป็นความบกพร่องของพนักงานในการดูแล โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อนักท่องเที่ยวจีนที่เสียชีวิตกับนักท่องเที่ยวหญิงชาวตะวันตกได้โหนสลิงมาพร้อมกันแบบคู่ แต่เมื่อไปถึงบนต้นไม้ฐานที่ 13 พนักงานไม่ยอมดึงตัวไว้ ทำให้นักท่องเที่ยวทั้ง 2 คนไปกระแทกที่ต้นไม้ ซึ่งมียางกันกระแทกอยู่กระเด็นออกมาจนทำให้เส้นสลิงแกว่งเป็นผลให้นักท่องเที่ยวจีนคอหักเสียชีวิต ส่วนนักท่องเที่ยวหญิงชาวตะวันตกได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
“เรื่องที่เกิดขึ้นยอมรับว่าพนักงานที่ดูแลบกพร่อง ไม่ได้คิดว่าจะปิดข่าว แต่ระหว่างที่เกิดเหตุยังไม่ทราบข้อมูลที่ชัดเจน จึงคิดว่านักท่องเที่ยวช็อกหมดสติและนำตัวส่งโรงพยาบาล จนแพทย์ชันสูตรว่าคอหักและจะรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด ซึ่งก็ต้องมาหารือตกลงกับญาติผู้เสียชีวิตก่อน โดยได้ออกค่าใช้จ่ายให้กับญาติผู้เสียชีวิตที่เดินทางมาจากประเทศจีนและถึงเชียงใหม่แล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีเงินค่าประกันอุบัติเหตุอีกประมาณ 1 ล้านบาท ส่วนคดีก็ให้ทางตำรวจดำเนินการไป และจะพาพนักงานทั้งสองคนมามอบตัว”
ด้าน พ.ต.อ.อดุลย์ สมนึก ผกก.สภ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เผยว่า ขณะนี้ได้สอบปากคำพยานจากเพื่อนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บไปแล้วหลายปาก อยู่ระหว่างรอผลการชันสูตรของแพทย์อย่างเป็นทางการเพื่อประกอบสำนวนการสอบสวน หากเป็นความประมาทก็จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันกระทำการอันประมาทเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
ด้านนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยเพิ่มเติมในเรื่องดังกล่าวว่า ฝากถึงผู้ประกอบการกิจกรรมผจญภัยเหินเวหา(Zipline) ทั้งหมดในจังหวัดเชียงใหม่ ว่าหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ให้รีบแจ้งผู้ว่าฯ หรือรองผู้ว่าฯ ทั้ง 3 คนได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพราะเมื่อเกิดเรื่องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้เข้าไปตรวจสอบพื้นที่ได้ทันเหตุการณ์ และอยากให้ผู้ประกอบการและเจ้าหน้าที่รับผิดชอบตรวจสอบอุปกรณ์และอบรมเจ้าหน้าที่ที่ดูแลให้มีความเข้มงวด คำนึงถึงความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเป็นหลัก
นอกจากนี้ ได้ประสานงานไปยังสถานกงสุลจีนประจำเชียงใหม่แล้วว่าจังหวัดเชียงใหม่ไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินคดีให้เป็นธรรมที่สุด