ศูนย์ข่าวศรีราชา - อ.ศรีราชา เร่งแก้ปัญหาการบุกรุกที่สาธารณประโยชน์ในพื้นที่ 6 ตำบล เกือบ 60 จุด โดยมีทั้งหน่วยงานรัฐ และเอกชนเข้าไปบุกรุกตั้งแต่ไม่กี่ตารางเมตร จนถึงหลายสิบไร่ พร้อมแจ้งผู้บุกรุกให้ทำการรื้อ หรือย้ายภายใน 6 เดือน ถึง 1 ปี แม้บางจุดจะยากก็ต้องทำ เพราะเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย
นายพรชัย ถมกระจ่าง นายอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี พร้อมด้วยปลัดอำเภอศรีราชา สำนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี (สาขาศรีราชา) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่ 6 ตำบล ประกอบด้วย ตำบลบางพระ ตำบลเขาคันทรง ตำบลบึง ตำบลหนองขาม ตำบลบ่อวิน และตำบลสุรศักดิ์ ร่วมประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่สาธารณประโยชน์ เนื่องจากในปัจจุบันมีการบุกรุกที่สาธารณประโยชน์เป็นจำนวนมาก ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลปัจจุบันให้ความสำคัญต่อการดูแลที่ดินของรัฐมิให้มีผู้ใดบุกรุกครอบครองโดยผิดกฎหมาย
ปัญหาการบุกรุกพื้นที่สาธารณประโยชน์นั้นบางจุดมีการบุกรุกเพียงไม่กี่ตารางเมตร แต่มีบางจุดทำการบุกรุกหลาย 10 ไร่ โดยมีการก่อสร้างแบบชั่วคราว และแบบถาวร ซึ่งขณะนี้ได้เข้าไปชี้แจง และทำความเข้าใจต่อผู้บุกรุกแล้ว โดยบางรายเข้าใจ และพร้อมออกจากพื้นที่ แต่บางรายก็ไม่ยินยอม แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ให้ระยะเวลาตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 1 ปี เพราะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
นายพรชัย กล่าวว่า จากการตรวจสอบในพื้นที่ 6 ตำบล พบว่า มีการบุกรุกเกือบ 60 จุด ประกอบด้วย พื้นที่ตำบลบางพระ จำนวน 12 จุด ที่หมู่ 2, 3, 5, 9 และ 10 เช่น หลังหมู่บ้านปัญญารีสอร์ท เนื้อที่ 2 ไร่ 1 งาน 39 ตารางวา ที่มีการปลูกบ้านทับบนทางสาธารณประโยชน์ นอกจากนั้น มีการบุกรุกครอบครองทางสาธารณประโยชน์ของสนามกอล์ฟปัญญา รีสอร์ท
พื้นที่ตำบลเขาคันทรง มีการบุกรุก 4 จุด บริเวณหมู่ 1, 5, 9 และ 10 เช่น ที่หมู่ 9 สนามกอล์ฟพัฒนาบุกรุกลำห้วยไผ่ ลำห้วยสาธารณะเกือบตลอดแนวสายน้ำ ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนเพราะมีการกักน้ำไม่ให้ไหลลงลำห้วย ส่วนตำบลบึง มีการบุกรุก 15 จุด ในพื้นที่หมู่ 1, 2, 3, 4, 7 และ 8 เช่น ที่หมู่ 1 มีการบุกรุกทุ่งเลี้ยงสัตว์สาธารณประโยชน์ เนื้อที่ประมาณ 18 ไร่ 1 งาน 24 ตารางวา หมู่ที่ 2 บุกรุกสุสานบ้านหนองปรือ-สาธารณประโยชน์ นสล. เลขที่ 6160 เนื้อที่ 13 ไร่กว่า
สำหรับพื้นที่ตำบลบ่อวิน มีการบุกรุก 15 จุด ในพื้นที่หมู่ 2, 3, 4, 5, 6 และ หมู่ 7 ซึ่งส่วนใหญ่บุกรุกลำห้วยสาธารณประโยชน์ เช่น ห้วยมะนาว ลำห้วยวัดยางเอน และมีการถมดินลงลำห้วยด้วย ในพื้นที่หมู่ 2 พื้นที่หมู่ 4 ที่บริเวณลำห้วยใหญ่ ลำห้วยพันเสด็จใน ลำห้วยบ้านป้าแคน ลำห้วยตาถนิม มีการถมดินรุกล้ำไปในลำห้วยต่างๆ ทำให้เกิดน้ำท่วมในบริเวณนั้น ส่วนพื้นที่หมู่ที่ 5 มีการรุกล้ำบริเวณหนองน้ำเขาขยาย และมีหมู่บ้านสร้างกำแพงขวางทางน้ำ แต่อย่างไรก็ตาม พื้นที่บริเวณดังกล่าวเนื้อที่กว่า 10 ไร่ ซึ่งเนื้อที่ยังไม่ชัดเจนอยู่ระหว่างเทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์สอบเขตที่ดินอยู่ในขณะนี้
ส่วนพื้นที่ตำบลสุรศักดิ์ มีการบุกรุก 6 จุด ในพื้นที่หมู่ 1, 5, 7 และ หมู่ 10 เช่น ที่บริเวณหมู่ที่ 1 บริเวณสุสานเม่งเต็ง ได้กั้นกำแพงหมดแล้ว และปิดกั้นประตูรั้วเข้า-ออก ด้านหน้าปากทางและด้านโรงเรียนดาราสมุทร ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขอดูโฉนดในที่ดินแปลงดังกล่าว และพื้นที่หมู่ 10 มีลักษณะการรุกล้ำ ต่อเติมบริเวณด้านหลังของบ้านรุกล้ำเข้าไปในทางสาธารณประโยชน์ประมาณ 3 เมตร สถานที่วังหินซอย 2 ม.10 ตำบลสุรศักดิ์ มีอาคารตึก และบ้าน จำนวน 17 หลัง รุกล้ำทำให้ถนนแคบมาก รถไม่สามารถวิ่งได้สะดวก หรือสวนทางกันไม่ได้ โดจะดำเนินการต่อไป
นายพรชัย กล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นมานานแล้วซึ่งสร้างผลกระทบ เช่น ทำให้น้ำท่วมขัง ทำให้การเดินทางเข้าออกเป็นไปด้วยความยากลำบาก โดยผู้ที่บุกรุกที่สาธารณประโยชน์นั้นมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งหน่วยงานรัฐ และภาคเอกชน ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐก็ต้องมาขอใช้พื้นที่ดังกล่าวต่อไป
ส่วนเอกชนนั้นต้องให้ระยะเวลาในการรื้อถอน หรือย้ายออกไปในระยะเวลาตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 1 ปี หลังจากนี้ ส่วนพื้นที่ตรงจุดไหนยังไม่มั่นใจก็ต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าดำเนินการตรวจสอบต่อไป โดยการดำเนินการในครั้งนี้ถือว่าเป็นการเริ่มต้นในการแก้ไขปัญหาที่ยืดเยื้อมานาน