ตราด - เรือประมงตราดกว่า 200 ลำ ย้ายไปจอดที่ท่าเรือประมงในจังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา หลังทำกินในตราดไม่ได้ พร้อมลงทุน 12 ล้าน สร้างท่าเทียบเรือขณะนำปลานำเข้าที่ด่านหาดเล็ก จี้แก้ปัญหาหวั่นผิดกฎหมาย
นายมนัส ชลาลัย ผู้จัดการท่าเรือชลาลัย อ.คลองใหญ่ จ.ตราด เรือประมงพาณิชย์ที่ขึ้นที่ท่าเรือชลาลัยในแต่ละวัน 200-300 ลำ ส่วนใหญ่เรือประมงขนาดใหญ่จะเป็นของจังหวัดระยอง และจังหวัด 3 สมุทร และเรือในจังหวัดตราดบางส่วน แต่เมื่อมีการประกาศจัดระเบียบเรือประมงใหม่ของ คสช.ทำให้เรือประมงส่วนใหญ่ไม่สามารถออกทำประมงได้ และมีเรือประมงอีกส่วนหนึ่งในท่าเรือกัลปังหา ก็ไม่สามารถทำประมงได้ จึงได้ต้องออกไปจอดที่ท่าเรือประมงในอำเภอปากคลอง จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา
ทำให้เรือประมงในอำเภอคลองใหญ่เหลืออยู่ประมาณ 400-500 ลำ และส่วนใหญ่เป็นเรือประมงพื้นบ้าน ทำให้เศรษฐกิจของอำเภอคลองใหญ่ไม่ดีนัก และความคึกคักที่มีแรงงานต่างด้าว และการค้าขายในพื้นที่ตำบลหาดเล็กไม่ดีนัก ซึ่งไม่เหมือนก่อน
กลุ่มประมงคลองใหญ่ นำเรือประมงพาณิชย์ และเรือประมงพาณิชย์อื่นที่ไม่สามารถทำประมงในประเทศไทยได้ นำเรือประมงกว่า 200 ลำ ไปขึ้นปลาที่ท่าเรือประมงใน อ.ปากคลอง จ.เกาะกง และนำปลาที่ได้ขนส่งผ่านรถห้องเย็นนำเข้าผ่านจุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก และขณะนี้มีการลงทุนก่อสร้างท่าเทียบเรือขนาดเล็กประมาณ 12 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นท่าเรือประมง
นายชัยวัฒน์ โอชนานนท์ นายอำเภอคลองใหญ่ กล่าวว่า เรือประมงของตราดที่เดินทางไปจอดที่จังหวัดเกาะกง เมื่อนำปลาที่จับได้เข้ามายังฝั่งตราดจะต้องมีการดำเนินการตรวจสอบการเข้าออกให้ถูกต้องทำพิธีทางศุลกากร และต้องผ่านด่านกักสัตว์ในอำเภอคลองใหญ่ให้ถูกต้องก่อน ซึ่งขั้นตอนเป็นเช่นนี้ แต่หากจะนำเข้ามาโดยไม่ตรวจสอบจะกระทำไม่ได้ กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมา ก็อะลุ้มอล่วยกัน แต่เมื่อทางรัฐบาลบอกให้ดำเนินการตามขั้นตอนก็ต้องดำเนินการ
ด้าน นายเบญจรงค์ วาสะศิริ หัวหน้าหน่วยปราบปราม ด่านศุลกากรคลองใหญ่ จังหวัดตราด กล่าวว่า ปลาทะเลที่นำเข้ามาจากเกาะกง ประเทศกัมพูชา หากนำเข้ามาจะต้องได้รับการอนุญาตจากสำนักงานประมงตราดก่อน ทางศุลกากรไม่มีอำนาจในเรื่องนี้ หากผู้นำเข้าจะนำเข้ามาจะต้องมีเอกสารจากสำนักงานประมง จ.ตราด ยืนยันก่อน ซึ่งการนำปลาทะเลเข้ามาจะไม่ต้องเสียภาษีขาเข้า เพียงแต่ต้องทำให้ถูกต้องเท่านั้น ซึ่งทางศุลกากรพร้อมจะอำนวยความสะดวกให้
