ประจวบคีรีขันธ์ - หัวหน้ากู้ภัยตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ ระบุข้าราชการซี 5 ที่ถูกตำรวจ สภ.บางสะพานจับกุมพร้อมของกลางยาบ้ากว่า 600 เม็ดเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมาพ้นสภาพจากการเป็นอาสาสมัครกู้ภัยตำรวจทางหลวงไปตั้งแต่ต้นปี 58 แล้ว เหตุเพราะไม่ยอมให้ตรวจหาสารเสพติด
เมื่อเวลา 16.00 น.วันนี้ (2 ต.ค.) นายสุวิวัฒน์ พรหมมา หัวหน้ากู้ภัยตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า กรณีที่เจ้าหน้าตำรวจ สภ.บางสะพาน ได้จับกุมนายทศพร หรือป๋อ บุญเปี่ยม พร้อมของกลางยาบ้า 684 เม็ด พร้อมเครื่องกระสุนปืนขนาด 11 มม.กระสุนปืนลูกซองจำนวนมาก และยังมีวิทยุสื่อสารพร้อมอุปกรณ์อีก 15 เครื่อง ซึ่งนายทศพร รับราชการเป็นเจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไประดับปฎิบัติการ ซี 5 และยังเป็นเจ้าหน้าที่กู้ชีพเทศบาลตำบลร่อนทองกับอาสาจราจรตำรวจทางหลวง โดยถูกจับกุมได้เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2558 ที่ผ่านมานั้น
ทั้งนี้ นายทศพร เคยเป็นสมัครเป็นอาสาสมัครกู้ภัยตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์จริง แต่เป็นได้เพียง 1 ปีเท่านั้น โดยสมัครเป็นอาสาเมื่อต้นปี 2557 ที่ผ่านมา แต่ได้กระทำการผิดระเบียบของหน่วยกู้ภัยฯด้วยการไม่ยินยอมตรวจร่างกายเพื่อหาสารเสพติด ตนในหัวหน้าหน่วยจึงได้ยกเลิกการเป็นอาสาสมัครของนายทศพร ทำให้พ้นสภาพจากการเป็นอาสาสมัครตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ไปเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2558 ที่ผ่านมา โดยมีบุคคลที่พ้นสภาพการเป็นอาสาสมัครกู้ภัยพร้อมกับนายทศพรที่จุด อ.บางสะพานอีก 16คนด้วย
หัวหน้ากู้ภัยตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุปันหน่วยกู้ภัยตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ มีอาสาสมัครทั้งจังหวัดจำนวน 220 คน ขึ้นตรงกับตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ ในการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุบัติเหตุและจัดการจราจรบนท้องถนน หลังทราบเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนายทศพร ทางหน่วยได้เรียกประชุมคณะกรรมการ, ที่ปรึกษาและสมาชิกเป็นการด่วน เพื่อแจ้งข้อมูลให้ทุกฝ่ายทราบและสรุปรายงานชี้แจงเรื่องให้หน่วยงานต้นสังกัดได้ทราบข้อเท็จจริงทั้งหมด
นอกจากกนี้ ทางหน่วยได้ตรวจสอบพบว่า ในพื้นที่ อ.บางสะพาน พบมีการแอบอ้างใช้ระเบียบบางอย่างที่เหมือนกับหน่วยกู้ภัยตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ จนทำให้เกิดความสับสน เช่น ใช้เสื้อสีส้มพร้อมโลโก้ที่คล้ายกับหน่วยกู้ภัยตำรวจทางหลวง มีการแอบใช้ตราสัญญาลักษณ์สัญญาณไฟที่รถคู่สาย การใช้นามเรียกขานประจำจุดแบบเดียวกัน ซึ่งข้อมูลทั้งหมดนี้ทางหน่วยฯได้รายงานให้สถานีตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัดทราบข้อมูลที่ถูกต้องแล้ว