รวบ “พ.ต.อ.” เก๊คาด่านแม่ต๋ำ อ้างเป็นสันติบาลคนสนิทรอง ผบช.ภ.5

พะเยา - เจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับหนุ่มบึงกุ่ม อ้างตัวเป็นตำรวจสันติบาลยศ “พ.ต.อ.” คนสนิทรอง ผบช.ภ.5 พบเมาแอ๋ขับกระบะผ่านด่านแม่ต๋ำเมืองกว๊านฯ ค้นรถเจอหงส์ทอง 1 ขวด พร้อมเสื้อแจ็กเกต หมวกปักอัษรตรา สตช. พร้อมบีบีกัน กระสุนปืน .45 แถมมีกุญแจมือด้วย

วันนี้ (25 ก.ย.) พ.ต.อ.ปรีชา วิมลไชยจิต รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพะเยา พร้อมด้วย พ.ต.อ.ประจัญ ปัญญาแก้ว ผู้กำกับการตำรวจ สภ.เมืองพะเยา ได้นำตัว นายกานต์ อุไรพงษ์ ณ อยุธยา อายุ 47 ปี บ้านเลขที่106/149 หมู่ 6 แขวงบึงกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร แถลงต่อสื่อมวลชน หลังถูกจับกุมในข้อหาแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ พ.ต.อ. ขณะผ่านด่านตรวจยานพาหนะแม่ต๋ำ ในสภาพเมาสุรา

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งทางไลน์ ของ ศปก.ภ.5 ว่า ให้ตรวจสอบบุคคลที่มีพฤติการณ์อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยศ พ.ต.อ. ไม่ทราบชื่อจริง ทราบแต่ชื่อเล่นว่า กานต์ สังกัดตำรวจสันติบาล และเป็นคนสนิทกับ พล.ต.ต.ประหยัชว์ บุญศรี รอง ผบช.ภ.5 ใช้รถยนต์กระบะโตโยต้าสีขาว หมายเลขทะเบียน 1 ฒฒ 1799 กรุงเทพมหานครเป็นพาหนะ และขับรถผ่านด่านตรวจปูแกง (จ.เชียงราย) และป่าแฝก อ.แม่ใจ จ.พะเยา มุ่งหน้าเข้าจังหวัดลำปาง หรือแพร่

ทางด่านตรวจแม่ต๋ำ จ.พะเยา จึงทำการตรวจค้นบุคคลต้องสงสัยดังกล่าว กระทั่งควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเป็นบุคคลเดียวกันกับที่ได้รับแจ้งมา เจ้าหน้าที่จึงขอดูบัตร แต่ผู้ต้องหาไม่สามารถแสดงบัตรข้าราชการตำรวจได้ และเมื่อมีการสอบถามไปยังผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดก็ไม่ปรากฏบุคคลดังกล่าวเป็นตำรวจสังกัดตำรวจสันติบาลแต่อย่างใด

เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจค้นภายในรถ พบสุรายี่ห้อหงส์ทอง 1 ขวด และแก้วน้ำที่บรรจุสุราภายในรถ รวมถึงอาวุธปืนบีบีกัน 1 กระบอก ซองกระสุนปืนขนาด .45 มม. 1 อัน เครื่องกระสุนปืนขนาด .45 มม. 14 นัด ซองใส่อาวุธปืนสีดำ 1 ซอง เสื้อคลุมแจ็กเกตสีดำ ตรงบริเวณกระเป๋าเสื้อปักอักษรสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมวกแก๊ปสีดำ โลโก้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1 ใบ กางเกงขายาวสีกากี 2 ตัว เสื้อยืดคอกลมสีขาว มีโลโก้ฯ 4 ตัว รองเท้าคัทชูสีดำ 1 คู่ และกุญแจมือ 1 อัน

สอบสวน นายกานต์ ให้การรับสารภาพว่า ไปทำธุระและกำลังจะกลับบ้าน โดยไม่มีเจตนาอื่นใดในการปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ นอกจากเลี่ยงการตรวจของเจ้าหน้าที่ในแต่ละด่านตรวจเท่านั้น

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการสอบสวนหาสาเหตุ และแรงจูงใจในการปลอมตัวเป็นตำรวจในครั้งนี้ ก่อนนำตัวพร้อมของกลางส่ง พงส.ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป