มหาสารคาม - ตร.แถลงรวบ 2 ผู้ต้องหา รายแรกหนุ่มใหญ่ครอบครองอาวุธปืน และกระสุน อีกรายเป็นผัวเมียร่วมกันเสพ และค้ายาบ้าให้เยาวชน
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (16 ก.ย.) ที่อาคารด้านหน้า ภ.จว.มหาสารคาม พล.ต.ต.พินิต มณีรัตน์ ผบก.ภ.จว.มหาสารคาม พ.อ.ธวัชชัย แจ้งประจักษ์ ผบ.กกล.รส.จว.มหาสารคาม นายณัฐการ สุรมณี ปลัดอำเภอเมืองมหาสารคาม พร้อมชุดสืบสวนจับกุม ร่วมแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาค้ายาเสพติด (ยาบ้า) และอาวุธปืน จำนวน 2 ราย ประกอบไปด้วย คดีอาวุธปืน และเครื่องกระสุน ผู้ต้องหาคือ นายอนงค์ สีโยธะ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 122หมู่ 2 ต.เหล่า อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม พร้อมด้วยของกลาง 1.อาวุธปืนพกสั้นขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก 2.อาวุธปืนพกสั้น ขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก 3.อาวุธปืนยาว (ปืนแก๊ป) จำนวน 1 กระบอก 4.เครื่องกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 100 นัด 5.เครื่องกระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 45 นัด 6.เครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 5 นัด 7.ถุงสะพาย จำนวน 1 ถุง
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 15 ก.ย.58 เวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจับกุม อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม เข้าทำการตรวจค้นบ้านเป้าหมายที่สืบทราบว่า มีอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนปืนซุกซ่อนอยู่ จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลาง และควบคุมตัวพร้อมควบคุมตัวเพื่อดำเนินคดีต่อไป
อีก 1 ราย เป็นคดียาบ้า จำนวน 2,615 เม็ด ผู้ต้องหา คือ น.ส.อัญชลี กุดกันยา อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60 หมู่ 17 ต.หนองเหล็ก อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม พฤติการณ์ก่อนเกิดเหตุได้ทำการจับกุม นายเอ และ นายบี ซึ่งเป็นเยาวชน ในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
ยึดของกลางยาบ้า 25 เม็ด ต่อมา ได้ทำการสืบสวนขยายผลผู้ต้องหาทั้ง 2 รับว่าซื้อยาบ้ามาจากนายเฉลิมชัย สีพาชา และ น.ส.อัญชลี กุดกันยา (เป็นสามีภรรยา)
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจับกุมจึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารค้นบ้านพักของผู้ต้องหา โดยอาศัย มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2557 (ฉบับชั่วคราว) พบของกลางคือ ยาบ้า จำนวน 2,615 เม็ด ซุกซ่อนไว้ในบ้านพักของผู้ต้องหา จึงทำการควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป
จากการสอบสวน น.ส.อัญชลี ผู้ต้องหาทราบว่า ตนจบเพียง ม.6 มีอาชีพทำนา และเพิ่งคบกับนายเฉลิมชัย สีพาชา คนในหมู่บ้านเดียวกันได้ประมาณ 20 วัน โดยไม่รู้ว่านายเฉลิมชัย ค้ายาบ้ามาก่อน แต่เห็น นายเฉลิมชัย เสพบ่อยครั้ง ตนจึงได้ตักเตือนอยู่หลายครั้ง แต่เจ้าหน้าที่มาจับกุมเสียก่อน
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อเพราะเจอผู้ต้องหาอยู่ในบ้านพร้อมกับของกลาง จึงจะตามจับกุมนายเฉลิมชัย มาสอบสวน และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป