จันทบุรีรวบแล้วหนุ่มเกย์ลักทรัพย์คู่ขา

จันทบุรี - รวบได้แล้วหนุ่มเกย์ที่ก่อเหตุลักทรัพย์คู่ขา หลังหนีไปกบดานที่พัทยา และกรุงเทพมหานคร ขณะที่หนุ่มเกย์ที่ก่อเหตุเผยสาเหตุที่ลงมือก่อเหตุเป็นเพราะเหตุอารมณ์ชั่ววูบที่อยากได้ทรัพย์สิน

วันนี้ (14 ก.ย.) พ.ต.ท.สมาน ไชยชาญ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเขาคิชฌกูฏ ได้ควบคุมตัว นายเจษฎา หรืออ้น รุ่งเรือง อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 114/3 หมู่ที่ 2 ตำบลเนินทราย อำเภอเมือง จังหวัดตราด หนุ่มเกย์ที่ก่อเหตุลักทรัพย์คู่ขา คือ นายนันท์มนัส หรือเป้ สมบูรณ์ศรี อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/22 หมู่ที่ 10 ตำบลพลวง อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2558 ที่ผ่านมา

โดยคนร้ายคือ นายเจษฎา ได้ทรัพย์สินไปหลายรายการรวมมูลค่ากว่าแสนบาท ก่อนจะหลบหนีไป หลังจากนั้น นายนันท์มนัส หรือเป้ สมบูรณ์ศรี อายุ 23 ปี จึงได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเขาคิชฌกูฏไว้เป็นหลักฐานในคดีลักทรัพย์

นอกจากนี้ ได้โพสต์ข้อความพร้อมรูปถ่ายของคนร้าย และภาพข่าวที่ออกเด็ดข่าวเด่น ทางช่อง 7 สี ลงในเฟซบุ๊กของตนเอง ทำให้กลุ่มเพื่อนในเฟซบุ๊กได้แชร์ภาพ และข้อความส่งต่อกัน จนมีผู้มาพบผู้ต้องหากำลังนั่งรอขึ้นรถไฟอยู่บริเวณสถานีรถไฟหัวลำโพง จึงได้ส่งรูปภาพมาให้ นายนันท์มนัสดู

หลังจากนายนันท์มนัส ได้ดูภาพแล้วยืนยันว่าเป็นของ นายเจษฎา จริง จึงได้ประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่เขตปทุมวัน ได้เข้าจับกุมนำตัว และนำตัวคนร้ายส่งต่อมายังพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเขาคิชฌกูฏ ได้ดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป

นายเจษฎา หรืออ้น รุ่งเรือง ผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพว่า ตนเองได้ขโมยทรัพย์สินของนายนันท์มนัส หรือเป้ สมบูรณ์ศรี ไปจริง สาเหตุที่ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบเพราะต้องการอยากได้ทรัพย์สินเป็นของตนเอง โดยทรัพย์สินที่ได้ก่อเหตุไปนั้น นายเจษฎา ได้มีการนำไปจำนำที่ร้านทองในพื้นที่พัทยา และห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง

โดยนำสร้อยคอโกเมน ไปจำนำในราคา 1 หมื่นบาท สร้อยข้อมือโกเมน ขายไปในราคา 5 พันบาท แหวนทอง 2 วง ขายไปในราคา 9 พันบาท โทรศัพท์มือถือโน้ต 4 ขายไปราคา 1 หมื่นบาท

ส่วนรถจักรยานยนต์ได้จอดทิ้งไว้ที่สถานีขนส่งจันทบุรี เงินที่ได้มาทั้งหมดนายเจษฎา ได้ใช้เที่ยวเตร่ดื่มกิน และจะเดินทางไปเที่ยวในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรีต่อ แต่มาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวไว้ได้เสียก่อน

ด้าน นายนันท์มนัส หรือเป้ สมบูรณ์ศรี ได้กล่าวขอบคุณเพื่อนๆ ชาวโซเชียลมีเดียที่ช่วยกันแชร์เรื่องราวของตนเองจนนำไปสู่การจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ในครั้งนี้อีกด้วย