ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - สัตวแพทย์องค์การสวนสัตว์พร้อมเครื่องอัลตราซาวนด์ประสิทธิภาพสูงราคาเกือบ 3 ล้านบาทถึงสวนสัตว์เชียงใหม่แล้ว รอผู้เชี่ยวชาญจากจุฬาฯ มาสมทบเตรียมตรวจละเอียดแม่แพนด้า “หลินฮุ่ย” ในวันพรุ่งนี้ (11 ก.ย. 58) เพื่อระบุแน่ชัดว่าตั้งท้องหรือไม่
รายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้ (10 ก.ย. 58) ทีมงานสัตวแพทย์โครงการวิจัยและจัดแสดงแพนด้าในประเทศไทย ขององค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ส่วนหนึ่ง พร้อมด้วยเครื่องอัลตราซาวนด์ประสิทธิภาพสูงมูลค่าเกือบ 3 ล้านบาท ซึ่งได้รับการสนับสนุนให้ยืมจากบริษัทเอกชน ได้มาถึงสวนสัตว์เชียงใหม่แล้ว
ทั้งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมในการตรวจสุขภาพและอัลตราซาวนด์ตรวจหาการตั้งท้องของแม่แพนด้า “หลินฮุ่ย” ที่ได้รับการผสมเทียมไปเมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 58 ที่ผ่านมา และหลังจากนั้นได้มีการแสดงพฤติกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่องที่ดูคล้ายแม่แพนด้าในช่วงของการตั้งท้อง ทั้งการหักต้นไผ่และต้นไม้ในส่วนจัดแสดงมาวางกองทำเป็นรังเหมือนการสร้างอาณาเขต และระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่ควบคุมเกี่ยวกับการตั้งท้อง พบว่าเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 300 นาโนกรัมต่อมิลลิกรัมครีตินีน ซึ่งสูงกว่าปกติหลายเท่าตัว
นายนิพนธ์ วิชัยรัตน์ รักษาการผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้รับการผสมเทียมจนขณะนี้แม่แพนด้า “หลินฮุ่ย” ยังคงมีการแสดงพฤติกรรมต่างๆ ที่ดูคล้ายแม่แพนด้าในช่วงตั้งท้อง ทั้งการหักกิ่งไผ่และต้นไม้ในส่วนจัดแสดงไปทำรังสร้างอาณาเขต รวมทั้งระดับฮอร์โมนก็เพิ่มสูงขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นการตั้งท้องหรือไม่ แต่ในวันที่ 11 กันยายนนี้น่าจะทราบแน่ชัดแล้ว หลังจากที่ทางทีมงานสัตวแพทย์ขององค์การสวนสัตว์และผู้เชี่ยวชาญสัตว์ด้านระบบสืบพันธุ์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำการตรวจสุขภาพและอัลตราซาวนด์ตรวจหาการตั้งท้อง
โดยส่วนตัวยังคงมีความหวังอย่างสูงว่า แม่แพนด้า “หลินฮุ่ย” จะตั้งท้อง และออกลูกแพนด้าตัวใหม่ได้เป็นผลสำเร็จ เพื่อสร้างความสุขให้แก่ชาวเชียงใหม่และคนทั้งประเทศ
ขณะที่สัตวแพทย์หญิง ดร.อัมพิกา ทองภักดี หัวหน้าฝ่ายวิจัย สำนักอนุรักษ์และวิจัยองค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมงานที่จะร่วมทำการอัลตราซาวนด์ตรวจหาการตั้งท้องของ “หลินฮุ่ย” ในวันพรุ่งนี้ (11 ก.ย. 58) ด้วย เปิดเผยว่า เบื้องต้นพบว่าภาวะระดับฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการตั้งท้องของ “หลินฮุ่ย” เพิ่มสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถระบุหรือแยกแยะได้อย่างแน่ชัดว่าเป็นการตั้งท้องตามปกติหรือว่าเป็นการตั้งท้องเทียม เช่นเดียวกันกับพฤติกรรมการทำรังหรือการแสดงความเป็นแม่ที่ก็ยังไม่สามารถบ่งบอกว่าเป็นการตั้งท้องได้อย่างชัดเจน ซึ่งจะต้องใช้วิธีการอัลตราซาวนด์ที่จะดำเนินการในวันพรุ่งนี้ (11 ก.ย. 58) เพื่อยืนยัน
การอัลตราซาวนด์ด้วยเครื่องประสิทธิภาพสูงในครั้งนี้จะทำให้เห็นโครงสร้างภายในมดลูกของ “หลินฮุ่ย” ได้อย่างชัดเจน เปรียบเทียบกับที่ผ่านมาว่ามีลักษณะของการตั้งท้องหรือไม่ ตลอดจนจะเห็นลักษณะของถุงน้ำคร่ำ รวมทั้งอาจจะเห็นตัวอ่อนหากมีการตั้งท้องจริง ส่วนจะเห็นชัดเจนเพียงใดต้องขึ้นอยู่กับระยะเวลาของการตั้งท้องด้วย