ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - เกิดมาเพิ่งเคยเจอ! โพสต์สนั่นโลกออนไลน์ พระพุทธรูป “ปางชูสองนิ้ว” บนจั่วโบสถ์วัดดังโคราช ขณะชาวบ้านแห่สนใจระคนสงสัยในความแปลกประหลาด บางคนนึกสนุกตั้งชื่อ พระพุทธรูป “ปางฟรุ้งฟริ้ง” ด้านเจ้าอาวาสเผยเก่าแก่สร้างคู่โบสถ์มากว่า 46 ปี แฝงธรรมคำสอนพระพุทธเจ้า “การปฏิเสธส่วนที่สุดสองอย่าง” เส้นทางสู่นิพพาน
วันนี้ (1 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานได้รับแจ้งว่า ที่วัดเจริญสุคันธาราม บ้านกันผม ต.พระพุทธ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา มี “พระพุทธรูปปางชูสองนิ้ว” สร้างความฮือฮาเป็นที่สนใจของประชาชนผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นพระพุทธรูปที่ไม่เคยพบเห็นที่ไหนมาก่อน นอกจากนี้ยังมีการถ่ายภาพมาโพสต์ในสังคมออนไลน์ กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในความแปลกประหลาดระคนสงสัย ขณะที่หลายคนนึกสนุกตั้งชื่อว่า “พระพุทธรูปปางฟรุ้งฟริ้ง”
ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าบริเวณจั่วใต้หลังคาด้านหน้าโบสถ์วัดเจริญสุคันธารามมีรูปปั้นนูนต่ำ เป็นภาพพระพุทธรูป นั่งประทับใต้ต้นโพธิ์ และยกมือขวาชูสองนิ้ว ลักษณะกำลังแสดงพระธรรมเทศนาแก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 รูป
พระอธิการพร้อม ทิฏฐธมโม (หลวงพ่อพร้อม) อายุ 73 ปี เจ้าอาวาสวัดเจริญสุคันธาราม เปิดเผยว่า โบสถ์ดังกล่าวได้สร้างทดแทนโบสถ์เดิมซึ่งมีสภาพเก่าทรุดโทรมผุพัง ตั้งแต่ปี 2512 หรือเมื่อประมาณ 46 ปีที่แล้ว โดยเจ้าอาวาสรูปเดิมได้ให้สร้างขึ้นบนที่ตั้งเดิมของโบสถ์หลังเก่า แต่ไม่ค่อยมีใครสังเกตเห็นพระพุทธรูปชูมือ 2 นิ้ว ซึ่งเป็นภาพนูนต่ำบริเวณจั่วหน้าโบส์ดังกล่าว เนื่องจากเป็นสีสภาพเก่าแบบโบราณ ไม่โดดเด่น เนื่องจากก่อสร้างมานานกว่า 46 ปีแล้ว
จนกระทั่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมาทางวัดได้ทำการบูรณะซ่อมแซมหลังคาและทาสีโบสถ์ใหม่ทั้งหลัง จึงทำให้ภาพนูนต่ำบริเวณหน้าโบสถ์เด่นชัดขึ้นมาและเป็นที่สะดุดสายตา ประชาชนญาติโยมต่างกันมองเห็นพระพุทธชู 2 นิ้วได้ง่าย ทำให้หลายคนอดสงสัยไม่ได้เข้ามาสอบถามถึงความเป็นมาและความหมายว่าสื่อถึงอะไรกับพระในวัด เนื่องจากไม่เคยพบเห็นพระพุทธรูปลักษณะเช่นนี้มาก่อน และคาดว่าพระพุทธรูปชูสองนิ้วคงมีเพียงแห่งเดียวที่วัดเจริญสุคันธารามนี้เท่านั้น
“แม้อาตมาเองบวชมา 34 พรรษา อายุ 73 ปีแล้ว ก็ไม่เคยปรากฏเห็นภาพพระพุทธรูปเช่นนี้ที่ไหนมาก่อน และพบเห็นที่นี่ที่เดียวเช่นกัน” หลวงพ่อพร้อมกล่าว
หลวงพ่อพร้อมกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ภาพดังกล่าวเชื่อว่าเจ้าอาวาสรูปเดิมท่านคงต้องการสื่อหลักธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้โปรดแก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ว่า การปฏิบัติใดๆ อย่าให้หย่อนหรือตึงจนเกินไป หากหย่อนไปก็ไม่สำเร็จ แต่หากตึงหรือเคร่งจนเกินไปก็ขาด ไม่ดีทั้ง 2 ทาง ฉะนั้นทางสายกลางดีที่สุด การดำเนินชีวิตของมนุษย์ทั่วไปก็เช่นกัน ควรยึดทางสายกลาง คือ “มัชฌิมาปฏิปทา”
พระอธิการพร้อมกล่าวอีกว่า โบสถ์แห่งนี้ทางวัดใช้ในการประกอบพิธีสำคัญทางพุทธศาสนามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งงานบวช และพิธีสำคัญต่างๆ ซึ่งวัดแห่งนี้สร้างมาพร้อมกับหมู่บ้านกันผม นานกว่า 100 ปีแล้ว โดยบ้านกันผมมีตำนานเล่าต่อกันมาว่าเป็นหมู่บ้านที่ท่านท้าวสุรนารี (ย่าโม) ยกกองทัพกลับหลังชนะในศึกที่ทุ่งสัมฤทธิ์ผ่านมาแล้วหยุดพักเพื่อปลงผมและอาบน้ำที่บ้านกันผมแห่งนี้ ซึ่งมีลำน้ำ 2 สายมาบรรจบกัน คือ ลำตะคอง กับลำบริบูรณ์ และมีท่าน้ำสำคัญ ปัจจุบันตั้งอยู่ข้างวัดเจริญสุคันธารามแห่งนี้ จึงเป็นที่มาของชื่อ “บ้านกันผม” และได้สร้างอนุสรณ์สถานคนกันผมไว้ในวัดด้วย
ขณะที่ นายสมาน ภู่มะเริง อายุ 65 ปี ชาวบ้านกันผม ต.พระพุทธ โดยกำเนิด กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นพระพุทธรูปางชูมือ 2 นิ้วมาก่อน ถือเป็นสิ่งแปลกมาก ซึ่งผู้คนยุคสมัยนี้หากชูสองนิ้วอาจสื่อความหมายว่า สู้ๆ แต่ภาพพระพุทธรูปดังกล่าวนี้จัดทำขึ้นพร้อมกับโบสถ์หลังนี้มากว่า 46 ปีแล้ว ซึ่งสมัยนั้นคงไม่มีการชูสองนิ้วหรือทำท่าทางฟรุ้งฟริ้งจนเป็นที่นิยมกันอย่างกว้างขวางเช่นทุกวันนี้แน่นอน
แต่คาดว่าเจ้าอาวาสวัดรูปก่อนหรือผู้จัดทำคงต้องการสื่อความหมายเกี่ยวกับหลักธรรมคำสอน 2 อย่างสำคัญ ซึ่งตามที่ตนเคยบวชและศึกษาหลักธรรม คือ 1. การปฏิบัติหรือการใช้ชีวิตของคนเราอย่าให้หย่อนจนเกินไป และ 2. อย่าให้ตึงจนเกินไป ควรเดินทางสายกลางตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
ทางด้าน นางเดือนเพ็ญ ด้วงนิล อายุ 46 ปี ผู้ใหญ่บ้านกันผม หมู่ 1 ต.พระพุทธ กล่าวว่า กรณีภาพพระพุทธรูปบริเวณจั่วด้านหน้าโบสถ์วัดเจริญสุคันธารามชูสองนิ้วนั้น เคยมีชาวบ้านและนักศึกษามาสอบถามเหมือนกัน แต่ตนก็ยังไม่ทราบความเป็นมาหรือความหมายที่แท้จริง ซึ่งหลายคนดูแล้วก็นึกตลก บอกว่าเป็นพระพุทธรูปปางชูสองนิ้ว หรือพระพุทธรูปปางฟรุ้งฟริ้ง
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดจากการสอบถามข้อเท็จจริงจาก อาจารย์ตุ่น กรอกงูเหลือม อายุ 77 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดเจริญสุคันธาราม ผู้สร้างโบสถ์หลังดังกล่าว ทราบว่า ภาพปั้นนูนต่ำบริเวณจั่วหลังคาด้านหน้าโบสถ์ ซึ่งเป็นภาพพระพุทธเจ้านั่งประทับใต้ต้นโพธิ์ พร้อมชูนิ้วมือขวา 2 นิ้ว โดยมีพระสงฆ์ 5 รูปนั่งรายล้อมอยู่ตรงหน้านั้น เป็นภาพที่พระพุทธเจ้าแสดงพระธรรมเทศนากัณฑ์แรกแก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 คือ “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” อันเป็นปฐมเทศนา มีเนื้อหาแสดงถึงการปฏิเสธส่วนที่สุด 2 อย่าง ประกอบด้วย
1. “กามสุขัลลิกานุโยค” คือ การหมกมุ่นอยู่ในกามศก และ 2. “ตตกิลมถานุโยค” คือ การทรมานตนให้ลำบากโดยเปล่าประโยชน์ คือ ทำทุกรกริยา (อดอาหาร) ซึ่งเป็นที่มาของภาพพระพุทธรูปการชู 2 นิ้ว
พร้อมกันนี้ พระพุทธเจ้าได้เสนอ “มัชฌิมาปฏิปทา”แนวทางดำเนินชีวิตโดยสายกลาง อันเป็นแนวทางใหม่ให้มนุษย์ มีเนื้อหาแสดงถึงขั้นตอนและแนวทางในการปฏิบัติเพื่อบรรลุถึงอริยสัจทั้ง 4 คือ อริยมรรค มีองค์ 8 โดยเริ่มจากทำความเห็นให้ถูกทางสายกลางก่อน เพื่อดำเนินตามขั้นตอนการปฏิบัติรู้ เพื่อละทุกข์ทั้งปวง เพื่อความดับทุกข์ อันได้แก่ “นิพพาน” ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา
ส่วนประชาชนทั่วไปหากปฏิบัติตาม 2 อย่างนี้ได้ตามที่พระพุทธรูปชู 2 นิ้ว ก็จะทำให้พ้นทุกข์นำไปสู่ชีวิตที่มีความสุขได้เช่นกัน