นครปฐม - ตำรวจภูธรภาค 7 รวบได้ 1 ใน 5 ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ หลังตำรวจบุกช่วยแรงงานชาวลาวที่ถูกผู้จัดการธนาคารกรุงไทย สาขานครปฐม พร้อมเมียกักขังแรงงาน ทำร้ายร่างกาย และฮุบเงินค่าแรงงานกว่า 3 เดือน ขณะเจ้าตัวยังปฏิเสธ แต่ตำรวจเชื่อมั่นในหลักฐานจากแรงงานที่ให้ข้อมูล ด้าน ผบช.ภ.7 ระบุคดีนี้เป็นคดีที่โหดเหี้ยม ไม่มีชาติใดในโลกยอมรับต่อการกระทำของนายจ้างได้
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (30 ส.ค.) ที่ห้องประชุมตำรวจภูธรภาค 7 พล.ต.ท.วีระพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.วรภัทร์ วัฒนวิศาล พล.ต.ต.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น พล.ต.ต.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.พจน์ บุญมาภาคย์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.อนุพันธ์ จันทร์พฤษษ์ รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม รักษาราชการแทน ผกก.สภ.สามควายเผือก และเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดี ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาในคดีเครือข่ายการค้ามนุษย์ เหตุเกิดที่ฟาร์มหมู หรือ “ยุพาฟาร์ม” เลขที่ 140 ม.9 ต.มาบแค อ.เมือง จ.นครปฐม โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย คือ นายสมใจ ภาคเพียร พร้อมด้วยของกลางเป็นอาวุธปืนยาวติดลำกล้อง 1 กระบอก และอาวุธปืนสั้น 2 กระบอก ที่ถูกยึดได้ภายในยุพาฟาร์ม นำมาแถลงต่อหน้าสื่อมวลชน
พล.ต.ท.วีระพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.7 เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 22 ส.ค.58 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สนธิกำลังทหารร่วมกันจับกุม นายไชยเดช โสนุช อายุ 56 ปี เจ้าของยุพาฟาร์ม และยังเป็นผู้จัดการธนาคารกรุงไทย สาขานครปฐม และนางยุพา โสนุช อายุ 53 ปี ภรรยา และได้ทำการช่วยเหลือแรงงานต่างด้าวชาวลาว จำนวน 13 คน เป็นเด็ก 2 คน และผู้ใหญ่ 11 คน โดยกักขังอยู่ในห้องที่มีการติดตั้งลูกกรงอย่างมิดชิด
โดยการสอบสวนคนงานลาวได้ให้การว่า ได้ถูกนายจ้างทั้ง 2 คนบังคับให้ทำงานตั้งแต่เวลา 06.00-24.00 น.ของทุกวัน และมีการทำร้ายร่างกายหากทำงานไม่ไหว โดยไม่ได้จ่ายเงินค่าจ้างตามที่ตกลงกันไว้ที่ 6,000-7,500 บาท และเวลาเข้านอนจะนำตัวเข้าไปนอนในห้องที่มีลูกกรงเหล็ก และห้ามออกมาจนกว่าจะถึงเวลา หากจะขับถ่ายทั้งหนัก และเบาจะต้องนำถุงพลาสติกเข้าไปขับถ่ายในห้อง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อ นายไชยเดช และนางยุพา ว่า “ร่วมกันค้ามนุษย์โดยการแสวงหาประโยชน์จากการบังคับใช้แรงงาน ร่วมกันให้บุคคลต่างด้าวเข้าที่พักอาศัย ซ่อนเร้นหรือช่วยเหลือด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นหลุดพ้นจาการจับกุม”
ต่อมา เจ้าหน้าหน้าที่ตำรวจได้ขออนุมัติหมายจับกุมผู้ต้องหา 5 ราย ประกอบด้วย
1.นายสมใจ ภาคเพียร ตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ 443/2558 ลงวันที่ 28 สิงหาคม 2558 (ถูกจับกุมแล้ว)
2.นางอมร อินทะพรเดช ตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ 444/2558 ลงวันที่ 28 สิงหาคม 2558
3.นายไมค์ ไม่ทราบชื่อจริง นามสกุลจริง ตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ 447/2558 ลงวันที่ 28 สิงหาคม 2558
4.นายกี้ ไม่ทราบชื่อ นามสกุลจริง ตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ 446/2558 ลงวันที่ 28 สิงหาคม 2558
5.นายค่อม ไม่ทราบชื่อ นามสกุลจริง ตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ 445/2558 ลงวันที่ 28 สิงหาคม 2558
พล.ต.ท.วีระพงษ์ กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนขยายผลการจับกุมถึงนายหน้าที่นำพาคนลาวมาส่งให้แก่ยุพาฟาร์ม ทราบว่า ต้นทางของแรงงานลาวทั้ง 13 คน อยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดอำนาจเจริญ ซึ่งที่จังหวัดอุบลราชธานี จะมีนายสมใจ ที่ถูกจับกุม และนางอมร และนายไมค์ จะเป็นนายหน้าจัดหาแรงงานโดยจะคิดค่าหัวคิวครั้งละ 3,500-5,000 บาทต่อคน
ส่วนที่จังหวัดอำนาจเจริญ จะมีนายกี้ เป็นนายหน้า และนายค่อม จะเป็นผู้ขับขี่รถยนต์นำแรงานมาสั่ง คิดค่าหัวคิวคละ 3,500-5,000 บาทเท่ากัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อผู้ที่ถูกจับกุมและถูกออกหมายจับในข้อกล่าวหา “ร่วมกันค้ามนุษย์โดยการแสวงหาประโยชน์จากการบังคับใช้แรงงาน ร่วมกันให้บุคคลต่างด้าวเข้าพักอาศัย ซ่อนเร้นหรือช่วยเหลือด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นการจับกุม” แต่นายสมใจ ที่ถูกจับกุมได้ปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็นต่อคดีดังกล่าว
“แต่ผมมั่นใจจากหลักฐานที่แรงงานชาวลาวได้ให้ข้อมูลมา และเก็บหลักฐานจากกล้องวงจรปิดที่อยู่ในยุพาฟาร์ม ที่เชื่อมโยงถึงบุคคลต่างๆ ที่ถูกออกหมายจับ และสำหรับคดีนี้เป็นคดีที่โหดเหี้ยม ไม่มีชาติใดในโลกยอมรับต่อการกระทำของนายจ้างได้ ซึ่งตอนนี้ได้ส่งตัวสองสามีภรรยาดำเนินคดีตามกฎหมายไปแล้ว” พล.ต.ท.วีระพงษ์ กล่าว