ศูนย์ข่าวศรีราชา - กะเทาะหัวใจ “ปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์” ผู้แทนนอกสภา ชายผู้ไม่มีตำแหน่งทางการเมือง แต่ยังทำงานทุกวัน 2 ปีกว่า เผยสิ่งสำคัญคือ การจัดการเวลาอย่างสมดุล งานประสบความสำเร็จได้ ครอบครัวต้องเข้าใจ
นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชลบุรี พรรคพลังชล เปิดเผยหลังจากว่างเว้นจากตำแหน่งทางการเมืองมากว่า 2 ปี หลังมีการยุบสภาเกิดขึ้นเมื่อปี 2556 เกี่ยวกับรูปแบบที่ยังคงสานงานอย่างต่อเนื่อง ว่า ตนเองยังคงทำงานเหมือนนักการเมืองตามปกติ เป็นเหมือนผู้แทนประชาชนนอกสภา ในส่วนของงานพบปะประชาชนนั้นยังคงทำเหมือนเดิมทุกวันเช่นเดียวกับขณะที่ยังดำรงตำแหน่ง
ทั้งนี้ นายปรเมศวร์ ยังบอกด้วยว่า การทำงานนั้นยังทำทุกวันตลอดสัปดาห์ ทำทุกวันโดยไม่ได้คิดเรื่องการเมืองเป็นหลัก สาเหตุที่ต้องทำนั้นคงเป็นเพราะความผูกพันที่มีมาอย่างยาวนานตั้งแต่รุ่นบิดา เป็นการทำงานจากรุ่นสู่รุ่น การออกพบปะประชาชนก็ได้ทำกันมาอย่างยาวนานไม่เกี่ยวกับตำแหน่งทางการเมือง เพราะถ้าไม่ได้ทำเหมือนชีวิตขาดอะไรบางอย่างไป
อย่างไรก็ตาม จากการทำงานลงพื้นที่พบประชาชนอยู่โดยตลอดนั้นยังพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ยังมีความเดือดร้อน ประชาชนยังฝากความหวังไว้ ซึ่งก็จะเป็นความเดือดร้อนโดยตรง ซึ่งเราสามารถประสานงานหาแนวทางแก้ไขได้ ไม่ใช่ปัญหาในระดับโครงสร้าง หรือระดับนโยบาย การทำงานทุกวันจนกลายเป็นความเคยชินจนไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน ทำเหมือนงานประชาชนเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน จนกลายเป็นว่า ต้องออกงานทุกวันเหมือนตอนดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัด
นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชลบุรี พรรคพลังชล เปิดเผยด้วยว่า หลักการทำงานที่สำคัญคือ การจัดการเวลาให้เกิดความสมดุล การแบ่งเวลาที่ถูกต้องเป็นเรื่องจำเป็น หากจะทำงานให้ประสบความสำเร็จได้นั้นเชื่อว่าครอบครัวต้องมีความอบอุ่นมาก่อน แต่ละสัปดาห์จึงต้องแบ่งเวลาให้ครอบครัวอย่างเหมาะสม หากครอบครัวเกิดความเข้าใจแล้ว การทำงานอื่นๆ ก็จะสามารถเดินต่อไปได้
ในส่วนของงานครอบครัวนั้นเป็นการบริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเราต้องมีการบริหารจัดการโดยมีน้องชายเป็นหลักในการทำงาน เราปฏิเสธไม่ได้ว่าการทำงานการเมืองต้องใช้เงิน เราจึงต้องมีธุรกิจที่สามารถผลิตเม็ดเงินมาให้ใช้ต่อยอดการทำงาน ที่สำคัญที่สุดคือ การมีใจให้แก่การทำงาน ไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ทั้งงานการเมือง และงานอสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนงานครอบครัว ก็จะลุล่วงไปได้ด้วยดี
“ถ้ามองงานการเมืองเป็นธุรกิจ ผมถือว่าผมล้มละลาย เพราะคลุกคลีการเมืองส่วนท้องถิ่นจนมาถึงการเมืองระดับประเทศ ลงสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่ปี 2548 ลงสมัครมาแล้วถึง 5 ครั้งในตลอดระยะเวลา 10 ปี ซึ่งก็ทำงานการเมืองตามแนวทาง “เข้าถึง ใส่ใจ ใกล้ชิดประชาชน” คือ ต้องเข้าถึงวิธีปัญหา และใส่ใจในการแก้ไขปัญหาให้ลุล่วงไปได้โดยใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุดก็จะรู้ปัญหาต่างๆ อย่างใกล้ชิด เราก็สามารถหาแนวทางแก้ไขได้” นายปรเมศวร์ ระบุ
นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชลบุรี พรรคพลังชล เปิดเผยต่อว่า การทำงานภายใต้สังกัดพรรคพลังชล ที่มีท่านสนธยา คุณปลื้ม เป็นผู้นำทีม เปรียบเสมือนครอบครัวใหญ่ เป็นการทำงานที่มีความคุ้มค่า เพราะเราต้องพัฒนาท้องถิ่นโดยการประสานงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ องค์กรภาครัฐ และองค์กรภาคเอกชน โดยทั้งหมดนี้ต้องเอื้อประโยชน์แก่ประชาชนมากที่สุด การทำงานของพรรคพลังชลจะเห็นได้ว่าทุกคนสามารถทำงานแทนกันได้หมด
ในมุมมองอนาคตของการเมืองไทยนั้น นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชลบุรี พรรคพลังชล มองว่า หลังจากมีการโหวตรัฐธรรมนูญฉบับล่าสุด นักการเมืองจะต้องปรับตัว คนทำการเมืองต้องโปร่งใสมากขึ้น ผู้ที่จะเข้ามาเล่นการเมืองต่อไปต้องขาวสะอาด ระบบการเมืองแบบเก่าจะหายไป เราทำงานกับประชาชนจริงๆ เป็นความเหน็ดเหนื่อยที่คุ้มค่า แต่หากมาเจอการเมืองแบบเก่าที่ใช้เงินซื้อเสียงเพื่อให้ตัวเองเข้ามาเป็นผู้แทนประชาชนเพื่อฉกฉวยโอกาสให้ตัวเอง แบบนี้เราก็เหนื่อย รัฐธรรมนูญฉบับใหม่เชื่อว่าจะทำให้เกิดความบริสุทธิ์ และยุติธรรมมากขึ้น
อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชลบุรี พรรคพลังชล ได้ให้ทรรศนะทิ้งท้ายด้วยว่า การวางแผนการเรื่องเวลาให้สมดุลเป็นสิ่งที่ช่วยเรื่องต่างๆ ให้สามารถบรรลุผ่านไปได้ ความเข้าใจของครอบครัวก็เป็นปัจจัยสำคัญในการทำงาน แต่ที่สำคัญคือ เราต้องมีเวลาให้ครอบครัวด้วย ซึ่งเวลาที่มีให้ครอบครัวอาจไม่เท่ากับเวลาการทำงาน ซึ่งอาจเป็นเวลาที่น้อยกว่า แต่เราต้องทำให้เป็นเวลาที่น้อยแต่มีคุณภาพมากที่สุด เป็นเวลาที่มีให้ครอบครัวอย่างแท้จริง