ศรีสะเกษ - ส่องชีวิตศิลปินช่างวาดภาพโฆษณาภาพยนตร์โรงหนัง “ซุ่นเฮงพลาซ่า” กับลมหายใจสุดท้ายของอาชีพใกล้สูญพันธุ์ หลังเทคโนโลยีการพิมพ์สมัยใหม่มาแทนที่ เผยยึดเป็นอาชีพวาดภาพให้โรงหนังในภาคอีสานมานานกว่า 30 ปี จนปัจจุบันเหลืออยู่เพียงแห่งเดียวที่ศรีสะเกษเพราะเถ้าแก่หลงเสน่ห์ศิลปะ ขณะช่างคนอื่นพากันเลิกอาชีพไปหมดแล้ว รวมทั้งลูกชายผู้รับถ่ายทอดวิชา
วันนี้ ( 26 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ปัจจุบันการทำงานโฆษณาประชาสัมพันธ์ต่างๆ มีการนำเทคโนโลยีทันสมัยไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์สมัยใหม่เข้ามาใช้มากมาย ทำให้การเขียนตัวอักษรหรือวาดภาพต่างๆ เป็นไปอย่างรวดเร็วและสวยงามหลากหลายรูปแบบ ตามที่ต้องการดั่งใจนึก ส่งผลให้การวาดภาพเพื่อโฆษณาภาพยนตร์ ตามโรงภาพยนตร์ต่าง ๆ เลิกใช้ช่างหรือศิลปินวาดเขียนภาพด้วยมือเหมือนในอดีตที่ดำเนินมานานหลายสิบปี
แต่ทั้งนี้ไม่น่าเชื่อว่า ที่โรงภาพยนตร์ “ซุ่นเฮงพลาซ่า” อันเป็นโรงฉายภาพยนตร์ขนาดใหญ่ ตั้งอยู่กลางเมืองศรีสะเกษ ยังคงใช้ช่างหรือศิลปินวาดภาพและเขียนป้ายโฆษณาภาพยนตร์เช่นเดิม โดยไม่นำเอาเทคโนโลยีการพิมพ์สมัยเข้ามาแทนที่ เช่นโรงภาพยนตร์ส่วนใหญ่ในขณะนี้แต่อย่างใด
นายสมชาย กองศรี อายุ 53 ปี ช่างวาดภาพโรงภาพยนตร์ซุ่นเฮงพลาซ่า กล่าวว่า เป็นชาว อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เริ่มฝึกหัดวาดภาพมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กนักเรียนโดยหลังจากเลิกเรียนแล้วจะไปดูรุ่นพี่ที่เขาวาดภาพและเขียนป้ายโฆษณาภาพยนตร์ จากนั้นจะอาสาเป็นผู้ช่วยในการวาดภาพ จนทำให้รู้หลักในการวาดภาพและสามารถวาดภาพต่าง ๆได้ทั้งการสเกตซ์ภาพและการระบายสีลงสีเพื่อให้ภาพสวยงามมีชีวิตชีวา
หลังจากที่ปลดจากการเกณฑ์ทหารประจำการ แล้วตนได้มายึดอาชีพนี้ โดยรับจ้างวาดภาพตามโรงภาพยนตร์ต่างๆ ในเขตภาคอีสาน ทั้ง จ.บุรีรัมย์ สุรินทร์ อุดรธานี ขอนแก่น ยโสธร อุบลราชธานีและ จ.ศรีสะเกษ มานานกว่า 30 ปีแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าของโรงภาพยนตร์ตามจังหวัดต่าง ๆ มีเพียงรายเดียว ทำให้ต้องเดินทางไปยังจังหวัดต่าง ๆ เพื่อวาดภาพโฆษณาภาพยนตร์ ตามแต่เจ้าของโรงภาพยนตร์จะสั่งงานให้ไปวาดภาพที่จังหวัดใด
“ ใน 1 วัน จะวาดภาพโฆษณาภาพยนตร์ได้ 1 เรื่อง ส่วนค่าแรงนั้นก็พอเลี้ยงชีพได้ และ หลังจากทำงานให้โรงภาพยนตร์เสร็จแล้ว จะรับงานนอก เช่น การวาดภาพวิว การวาดภาพสัตว์ต่าง ๆ ทำให้มีรายได้เสริม มาเลี้ยงตัวเองและครอบครัว” นายสมชาย กล่าว
นายสมชาย กล่าวต่อว่า ขณะนี้โรงภาพยนตร์ตามจังหวัดต่าง ๆ เลิกใช้คนวาดภาพไปหมดแล้วโดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาแทน แต่ที่โรงภาพยนตร์ซุ่นเฮงพลาซ่า เจ้าของได้ให้ความกรุณาในการให้ตนวาดภาพโฆษณาภาพยนตร์ต่อไป เนื่องจากเจ้าของโรงภาพยนตร์มีความชื่นชอบศิลปะการวาดภาพ และเห็นว่า ภาพวาดทำให้คนสนใจมากกว่าการใช้วิธีการพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์และเครื่องพิมพ์ทันสมัย
ฉะนั้นตนจะยังคงทำงานวาดภาพโรงภาพยนตร์ไปเรื่อย ๆ เนื่องจากสายตายังคงดีอยู่ ขณะที่ศิลปินช่างวาดภาพคนอื่น ๆ ต่างพากันเลิกอาชีพนี้และไปทำงานรับจ้างวาดภาพตามโบสถ์ต่าง ๆ ซึ่งเป็นงานรับจ้างเหมา ทำให้อาชีพช่างวาดภาพโฆษณาภาพยนตร์ใกล้สูญสิ้นไปแล้ว แม้แต่ลูกชายของตนที่ได้รับถ่ายทอดวิธีการวาดภาพ ก็หันไปประกอบอาชีพเป็นช่างสักลาย แทน
ทางด้าน นายจรัญ หาบุญมี อายุ 51 ปี ผู้จัดการโรงภาพยนตร์ซุ่นเฮงพลาซ่า กล่าวว่า ตนเป็นผู้จัดการโรงภาพยนตร์ซุ่นเฮงพลาซ่า มาตั้งแต่ปี 2537 รวมเป็นเวลากว่า 20 ปี แล้ว และยังคงใช้ช่างวาดภาพในการโฆษณาภาพยนตร์มาโดยตลอด เนื่องจากนายสุรพจน์ พัวไพศาล เจ้าของห้างสรรพสินค้าซุ่นเฮงพลาซ่า มีความชื่นชอบภาพวาด ดังนั้นจึงให้วาดภาพโฆษณาภาพยนตร์มาตลอด โดยเห็นว่าภาพวาดโฆษณาภาพยนตร์ นั้น มีเสน่ห์มากกว่าการใช้ระบบคอมพิวเตอร์มาทำงาน เพราะคอมพิวเตอร์ได้เพียงความรวดเร็วเท่านั้น แต่ไม่มีเสน่ห์ดึงดูดใจผู้คนให้มาชมภาพยนตร์ทุกเรื่องที่นำมาฉายเทียบเท่าภาพวาดได้
“โรงภาพยนตร์ซุ่นเฮงพลาซ่า จะใช้ช่างวาดภาพโฆษณาภาพยนตร์ต่อไป เพื่ออนุรักษ์การโฆษณาภาพยนตร์ในรูปแบบนี้เอาไว้ให้คงอยู่เคียงคู่กับโรงภาพยนตร์ซุ่นเฮงพลาซ่าตลอดไป” นายจรัญ กล่าว