พิษณุโลก - นักธุรกิจพร้อมพ่อค้าแม่ขายชาวเมืองพิษณุโลก รวมตัวถือป้ายบุกร้องผู้ว่าฯ ถึงศาลากลางซ้ำ ครวญถูกหลอกซื้ออาคารพาณิชย์ “ตลาดสี่แยกอินโดจีน” หลายรายจ่ายเงินครบหมด แต่กลับโอนไม่ได้ เสียหายร่วม 70 ล้าน โวยเดินสายร้องมา 6 ปีเรื่องไม่คืบ
วันนี้ (24 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักธุรกิจและพ่อค้าแม่ค้าชาวพิษณุโลก กว่า 100 คนขอเข้าพบนายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เพื่อร้องขอความเป็นธรรม และขอให้ติดตามความคืบหน้าคดีฉ้อโกงและหลอกลวงประชาชน หลังถูกหลอกให้ซื้อโครงการจัดสรรที่ดินตลาดค้าปลีก-ค้าส่งสี่แยกอินโดจีน ต.สมอแข อ.เมือง ที่แบ่งเป็นล็อคค้าขาย และอาคารพาณิชย์
กลุ่มนักธุรกิจ และพ่อค้าแม่ค้าระบุว่า นายโกวิท ยมนา อดีต ส.จ.ลพบุรี เจ้าของโครงการวางโปรเจกต์ไว้ใหญ่โต เคยเชิญนายทหารยศพลเอกนายหนึ่งมานั่งเป็นที่ปรึกษา พร้อมนำภาพมาติดไว้ที่สำนักงานขาย รวมทั้งเชิญอดีตผู้ว่าฯ มาเปิด ทำให้กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าตลอดจนนักธุรกิจหลงเชื่อพากันจองซื้ออาคารพาณิชย์ และแผงในตลาดดังกล่าว แต่เจ้าของโครงการกลับไม่ได้ยื่นขอจัดสรรที่ดินตาม พ.ร.บ.จัดสรรที่ดิน และไม่ยื่นแบ่งโฉนด ทำให้ไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้ซื้อได้ แม้ว่าผู้ซื้อหลายรายจะชำระเงินหมดแล้วก็ตาม ทำให้ตลาดค้าส่ง-ค้าปลีกสี่แยกอินโดจีนกลายเป็นตลาดร้างทุกวันนี้
นายสุรกัน ทองเชื้อ อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19/2 ม.1 ต.ปากโทก อ.เมือง จ.พิษณุโลก ตัวแทนผู้เดือดร้อน กล่าวว่า ผ่านมาถึง 6 ปีแล้วกับการเรียกร้องหาความเป็นธรรม เรื่องก็ยังไม่คืบหน้า ขณะนี้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เดือดร้อนหนัก เงินที่สะสมตลอดชีวิตหายไปทันที ถูกโกงไปหมด วันนี้จึงอยากออกมาทวงถามถึงคดีความที่เกิดขึ้นว่าเรื่องไปถึงไหนแล้ว เมื่อไหร่จะสิ้นสุด เมื่อไหร่ชาวบ้านตาดำๆ จะได้รับเงินคืน เพราะพวกตนไม่มากระตุ้นเรื่องก็เงียบ
“เคยมาร้องที่ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก ครั้งล่าสุดเมื่อ 19 พฤษภาคม 2558 แต่ก็ยังเงียบ พอมากระตุ้นที เรื่องก็คืบที”
ต่อมานายภาสกร บุญญลักษม์ นายอำเภอเมือง เข้ารับเรื่องแทนผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งติดภารกิจ พร้อมเชิญ พ.ต.อ.สามารถ จูเทศ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.เมืองพิษณุโลก ร่วมชี้แจงถึงผลการดำเนินการทางคดี ที่ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความต่อ สภ.เมือง ไว้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2557
โดยระบุว่าคดีแบ่งออกเป็น 2 สำนวน คือ 1. คดีความผิดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดิน 2. คดีหลอกลวงประชาชน มีผู้เสียหายรวม 79 ราย มูลค่าความเสียหายประมาณ 70 ล้านบาท ขณะนี้สำนวนที่ 1 ได้ส่งฟ้องไปทางอัยการแล้ว ส่วนสำนวนที่ 2 คาดว่าจะส่งได้ภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ หลังชาวบ้านได้รับคำชี้แจงจาก พ.ต.อ.สามารถจึงแยกย้ายกันกลับไป