ราชบุรี - ตำรวจตามรวบได้แล้ว 4 ผู้ต้องร่วมกันฆ่าสมาชิก อบต.ดอนทราย อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี เสียชีวิตขณะเวียนเทียนรอบพระอุโบสถวัดเขาถ่านธรรมเสนานี ในคืนวันอาสาฬหบูชา เหตุแค้นส่วนตัว ก่อนคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ท่ามกลางไทยมุงจำนวนมาก
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (22 ส.ค.) พล.ต.ท.วีระพงษ์ ชื่นภักดี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.กฤษณะ ทรัพย์เดช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) ราชบุรี พ.ต.อ.ชาติชาย นาถึง รอง ผบก.ภ.จว.ราชบุรี และ พ.ต.อ.พงศธร ศรีเปลี่ยนจันทร์ ผกก.สภ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ได้นำตัว นายอำนวย มณีทอง อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43 หมู่ 5 ต.ดอนทราย อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี นายอาคม รุ่มรวย อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 111/10 หมู่ 2 ต.ท่าตะคร้อ อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี นายสุรพันธ์ เติมต่อ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23 หมู่ 5 ต.ดอนทราย อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี และนายกิตติ ลาภทวีพรกุล อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 220 หมู่ 5 ต.ดอนทราย อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี มาแถลงข่าวที่หน้า สภ.ปากท่อ
พร้อมอาวุธปืนสั้นขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก ปลอกกระสุนปืนขนาดเดียวกัน จำนวน 2 ปลอก รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 1 คัน รถปิกอีพยี่ห้ออีซูซุ สีดำ หมายเลขทะเบียน บน 5518 เพชรบุรี 1 คัน หลังจากทั้งหมดตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนที่นายทะเบียนไม่อนุญาตไว้ในครอบครอง
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2558 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นอาฬหบูชา ได้มีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิง นายจำเนียร เที่ยงตรง อาย 60 ปีสมาชิก อบต.ดอนทราย อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี เสียชีวิตขณะกำลังร่วมเวียนเทียนรอบโบสถ์ร่วมกับชาวบ้าน และพระที่วัดเขาถ่านธรรมเสนานี ซึ่งตั้งอยู่หมู่ 5 ต.ดอนทราย อ.ปากท่อ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า ผู้ที่ร่วมก่อเหตุในครั้งนี้มีทั้งหมด 4 คน จึงได้ทำการขอหมายจับจากศาลจังหวัดราชบุรี และเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดได้
จากการสอบสวนจนทราบว่า ผู้ที่เป็นมือปืนยิงนายจำเนียร คือ นายอำนวย ส่วนนายอาคม เป็นผู้ขับขี่รถจักยานยนต์พานายอำนวย หลบหนี และนายสุรพันธ์ ซึ่งเป็นคนดูต้นทางก็ทำหน้าที่เป็นพลเมืองดีใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าในวันเกิดเหตุ โดยอ้างว่ายิงขู่คนร้าย จากนั้นทั้งหมดได้ไปรับเงินค่าจ้างจากนายกิตติ ซึ่งเป็นผู้จ้างวานฆ่านายจำเนียร และเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นบ้านพักของนายกิตติ พบอาวุธปืน จำนวน 6 กระบอก เป็นปืนลูกซองยาว 3 กระบอก อาวุธปืนสั้นอีก 3 กระบอก พร้อมกระสุนปืนขนาดต่างๆ อีกกว่า 100 นัด เจ้าหน้าที่จึงได้ยึดมาตรวจสอบว่ามีทะเบียนหรือไม่ และเคยใช้อาวุธปืนไปก่อเหตุที่อื่นหรือไม่
ส่วนประเด็นการสังหารในครั้งนี้ นายอำนวย ยอมรับสารภาพว่า เป็นเรื่องความแค้นส่วนตัวด้วย เนื่องจากตนนั้นเคยถูกจับในข้อหาพยายามฆ่า และให้ผู้ตายช่วยวิ่งเต้นคดีให้ แต่ไม่สำเร็จ ทำให้ตนต้องติดคุกไปถึง 5 ปี และเพิ่งจะพ้นโทษมาเมื่อปี 2555 ประกอบนายกิตติ มาจ้างวานเพราะมีปัญหาขัดแย้งกับผู้ตายเรื่องของการลงเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน และผู้ตายก็เป็นแกนนำคัดค้านในการทำประชาคมหมู่บ้านเรื่องของการเผาถ่านกะลา ซึ่งนายกิตติ นั้นทำอยู่ โดยผู้ตายไม่ยอมให้มีการเผากะลาในพื้นที่ ทำให้ประชาคมไม่ผ่าน สร้างความเจ็บแค้นให้นายกิตติ เมื่อมาจ้างตนจึงตัดสินใจรับงาน โดยนายกิตติ ให้ไปรับปืนที่บ้านของนายกิตติ เพื่อจะนำมาก่อเหตุดังกล่าว
ภายหลังการแถลงข่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายอำนวย นายอาคม และนายสุรพันธ์ มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บริเวณข้างโบถส์ พร้อมทั้งเข้าขอขมาพระครูบุญญาภิรักษ์ เจ้าอาวาสวัดเขาถ่านธรรมเสนานี ท่ามกลางประชาชนที่แห่มาดูการทำแผนในครั้งนี้จนเนืองแน่น เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องนำกำลังมากกว่า 70 นาย มาคอยดูแลความปลอดภัยให้ผู้ต้องหาทั้งหมดก่อนจะส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
