หนองคาย - กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยประจำจังหวัดหนองคาย ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจเข้มการเข้า-ออกด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว หลังเกิดเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ แต่ไม่สร้างบรรยากาศตื่นกลัวแก่ชาวต่างชาติ ขณะที่เลขาฯ หอการค้าหนองคายวอนรัฐเร่งจัดการผู้ก่อเหตุฟื้นความเชื่อมั่นให้คนไทยด้วยกันก่อน แนะฟังข่าวจากแหล่งที่เชื่อถือได้อย่าแชร์ข้อมูลตามที่เห็น
วันนี้ (18 ส.ค. 58) ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยประจำจังหวัดหนองคาย (กกล.รส.จ.นค.) นำโดย ร.อ.จำนงค์ แสงกุดเรือ นายทหารยุทธการ กกล.รส.จ.นค. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดหนองคาย และด่านศุลกากรหนองคาย ตรวจเข้มการเข้า-ออกด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว
โดยเฉพาะการเข้า-ออกทางรถยนต์ นอกจากนี้ยังห้ามรถจักรยานยนต์และรถสามล้อเครื่องเข้าไปภายในด่านพรมแดนฯ ด้วย
ร.อ.จำนงค์ แสงกุดเรือ นายทหารยุทธการ ประจำ กกล.รส.จ.หนองคาย กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ระเบิดที่แยกราชประสงค์ กรุงเทพฯ ผู้บังคับบัญชาและผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคายได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหาร กกล.รส.จ.หนองคาย ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจเข้มการเข้า-ออกที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 1 ทันที
นอกจากนี้ยังให้มีการตั้งจุดตรวจจำนวน 4 จุด ประกอบด้วย 1. จุดตรวจหนองสองห้อง ถนนมิตรภาพหนองคาย-อุดรธานี, 2. จุดตรวจที่ด่านอำเภอโพนพิสัย, 3. จุดตรวจถนนท่าบ่อ-ศรีเชียงใหม่ และ 4. จุดตรวจที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว
นอกจากนี้ ยังได้จัดชุดลาดตระเวนออกตรวจตามสถานที่สำคัญและสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในจังหวัดหนองคาย รวมไปถึงจุดผ่านแดนที่อยู่ตามอำเภอต่างๆ อีกด้วย แต่พยายามไม่ให้กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไม่ให้มีบรรยากาศของการตื่นกลัวในการเดินทางเข้ามาของชาวต่างชาติ
ขณะที่ภาคเอกชน นางดวงใจ สุขเกษมสินธุ์ เลขาฯ หอการค้าจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าช็อกคนไทยทั้งประเทศ จุดเกิดเหตุเป็นย่านที่ผู้คนพลุกพล่าน โดยเฉพาะชาวเอเชียที่มีความศรัทธาต่อพระพรหมก็จะมากราบไหว้ขอพรอย่างต่อเนื่องทั้งวัน ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้เสียชีวิตเป็นชาวต่างชาติ ย่อมส่งผลกระทบทางด้านจิตใจอย่างแน่นอน
แต่หากรัฐบาล ทหาร ตำรวจ เร่งปฏิบัติการตรวจสอบจับกุมผู้กระทำความผิดในครั้งนี้ให้ได้โดยเร็ว คอยให้ข้อมูลความคืบหน้าของการติดตามจับกุมผู้กระทำผิดอย่างต่อเนื่อง และควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำอีก เชื่อว่าจะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นให้แก่คนไทยด้วยกันเองก่อนเป็นสำคัญ
หากรัฐบาลจัดการปัญหาได้รวดเร็วจะไม่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว การลงทุนในระยะยาว แต่หากยืดเยื้อสถานการณ์ไม่คลี่คลายก็อาจเกิดความกังวล แม้แต่คนไทยด้วยกันก็ไม่กล้าที่จะเดินทางไปตามย่านชุมชนหรือย่านที่สุ่มเสี่ยงของผู้ที่ก่อเหตุซึ่งก็ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นใครและต้องการอะไร
พร้อมกันนี้ อยากให้คำนึงถึงการให้ข้อมูลข่าวสาร เนื่องจากตลอดช่วงที่เกิดเหตุใหม่ๆ มีข่าวลือตามสังคมออนไลน์โซเชียลมีเดีย แชร์ภาพส่งต่อข้อมูลกันมากมายจนทำให้เกิดความสับสน จึงอยากขอให้ทุกคนใช้วิจารณญาณของตัวเองไตร่ตรองข้อมูลที่ได้รับในโลกออนไลน์ให้ดีก่อน อย่าเพิ่งแชร์ต่อๆ กันไป
“ทางที่ดีควรฟังจากสื่อทีวี สื่อหนังสือพิมพ์ที่เชื่อถือได้ที่ผ่านการตรวจสอบข้อมูลแล้วจะดีกว่า เพราะสังคมไทยตื่นกับข่าวอยู่ตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาวุ่นวายไม่จบ”