กาญจนบุรี - อช.เขาแหลม อำเภอสังขละบุรี กาญจนบุรี เดินหน้าเปิดยุทธการทวงคืนผืนป่ารุกที่ปลูกยางพารา-ปาล์ม กว่า 20 ไร่ เผยเป้าหมายทำลายพืชอาสินรวม 1,965.90 ไร่ คืบหน้า 156.25 ไร่ คาดเดือน ธ.ค.58 แล้วเสร็จ
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (17 ส.ค.) นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สังขละบุรี กำลังเจ้าหน้าที่ ตชด.134 อ.สังขละบุรี เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.สังขละบุรี กว่า 50 นาย เข้าปฏิบัติการรื้อถอนตัดฟันไม้ยางพารา และต้นปาล์มน้ำมัน ตามแผนปฏิบัติเพื่อบังคับใช้กฎหมายต่อพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกปลูกยางพารา กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พ.ศ.2558 จำนวน 3 แปลง
แปลงที่ 1 เป็นพื้นที่ตรวจยึดดำเนินคดี คดีอาญาที่ 58/2557 ตามแผนปฏิบัติการเพื่อบังคับใช้กฎหมายต่อพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกปลูกยางพารา กรมอุทยานฯ โดยใช้อำนาจตามมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 รหัสแปลง R10670088 ค่าพิกัด 47 P 0433307 E 1670849 N เนื้อที่ 7-2-00 ไร่
แปลงที่ 2 ยึดดำเนินคดี คดีอาญาที่ 59/2557 ตามแผนปฏิบัติการเพื่อบังคับใช้กฎหมายต่อพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกปลูกยางพารา กรมอุทยานฯ โดยใช้อำนาจตามมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 รหัสแปลง R10670089 ค่าพิกัด 47 P 0433427 E 1670927 N เป็นยางพาราเนื้อที่ 7-3-00 ไร่
แปลงที่ 3 ตัดฟันต้นปาล์มน้ำมัน ในพื้นที่ตรวจยึดดำเนินคดี คดีอาญาที่ 60/2557 โดยใช้อำนาจตามมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 ค่าพิกัด 47 P 0433504 E 1670948 N เนื้อที่ 9-0-00 ไร่ โดยทั้ง 3 แปลงอยู่ในบริเวณท้องที่ป่าบ้านใหม่พัฒนา หมู่7 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี
นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม เปิดเผยว่า สำหรับในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม มีพื้นที่เป้าหมายในการตัดฟันรื้อถอนยางพารา จำนวน 61 แปลง เนื้อที่ 1,965.90 ไร่ และได้ดำเนินการ รื้อถอนไปแล้ว จำนวน 7 แปลง เนื้อที่ 156.25 ไร่ ในส่วนพื้นที่ที่ยังไม่ได้ตัดฟันจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2558 นี้
พนักงานอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 อาศัยอำนาจ ตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว มีคำสั่งทางปกครองให้ผู้กระทำผิดดำเนินการรื้อถอนสิ่งก่อสร้าง ปลูกสร้าง พืชผลอาสิน หรือสิ่งอื่นใดที่ผิดไปจากเดิมออกไปให้พ้นอุทยานแห่งชาติเขาแหลม แบบ อช.ม.22 (ก) แบบ อช.ม.22 (ข) แบบ อช.ม.22 (ค) และแบบ อช.ม.22 (ง) ตามลำดับ แต่ผู้กระทำผิดก็ยังคงเพิกเฉย ดังนั้น คณะเจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเข้ามาดำเนินการเอง และจะได้ดำเนินการเรียกค่าใช้จ่ายต่อผู้กระทำผิดต่อไป