บุรีรัมย์ - ชาวบ้านส่วนรวม อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ สุดทนรวมตัวขับไล่ “ผู้ใหญ่บ้าน” พ้นตำแหน่ง พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเอาผิดทั้งวินัยและกฎหมาย พร้อมพวกที่เป็นกรรมการหมู่บ้านแอบขายยุ้งฉางที่ชาวบ้านร่วมกันบริจาคเงินก่อตั้งเป็นธนาคารข้าวหมู่บ้านมากว่า 30 ปี แฉร้องอำเภอแจ้งความตำรวจแต่ไม่คืบหน้า
วันนี้ (17 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านบ้านส่วนรวม หมู่ 4 ต.ห้วยราช อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ ได้รวมตัวกันถือป้ายประท้วงขับไล่ นายสายพิน เจวรัมย์ ผู้ใหญ่บ้านบ้านส่วนรวม พร้อมพวกที่เป็นกรรมการหมู่บ้าน ออกจากตำแหน่ง และเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบเอาผิดทั้งวินัยและกฎหมายต่อผู้ใหญ่บ้าน พร้อมพวก
โดยชาวบ้านกล่าวหาว่าผู้ใหญ่บ้านพร้อมพวกได้พากันแอบขายยุ้งฉางในโครงการธนาคารข้าวของหมู่บ้าน ที่ชาวบ้านได้ร่วมกันบริจาคเงินก่อสร้างขึ้นเมื่อ 30 ปีที่ผ่านมาโดยมียอดเงินบริจาคก่อสร้างทั้งสิ้นกว่า 25,000 บาท แต่ผู้ใหญ่บ้านและกรรมการกลับนำไปขายในราคา 11,000 บาท โดยที่ไม่มีการประชุมประชาคมแจ้งให้ชาวบ้านทราบ และไม่ผ่านความเห็นชอบจากชาวบ้านเลย
จึงสร้างความไม่พอใจให้แก่ชาวบ้านเป็นอย่างมาก ซึ่งยุ้งฉางธนาคารข้าวดังกล่าวแม้มีมูลค่าไม่มากแต่เป็นเงินที่ชาวบ้านร่วมแรงร่วมใจกันบริจาคเพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกันในหมู่บ้าน สำหรับรวบรวมข้าวเปลือกของชาวบ้านที่เป็นสมาชิก แล้วนำไปขายนำเงินมาไว้เป็นกองกลางหรือปันผลกำไรให้แก่สมาชิก และหากชาวบ้านรายใดทำนาไม่ได้ผลผลิตสามารถมายืมข้าวเปลือกในธนาคารข้าวดังกล่าวไปบริโภคได้ จากนั้นฤดูกาลต่อไปก็นำข้าวมาส่งคืนพร้อมดอกเบี้ยที่เป็นข้าวเปลือกด้วย ซึ่งชาวบ้านได้ทำมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 30 ปีแล้ว ที่ผ่านมาผู้ใหญ่บ้านแต่ละคนได้ดูแลรักษามาโดยตลอด กระทั่งมาถึงผู้ใหญ่คนปัจจุบันกลับนำไปขายโดยที่ไม่แจ้งให้ชาวบ้านรับทราบ
นายมานพ สุนทรถวิล ชาวบ้านบ้านส่วนรวม บอกว่า หลังจากมีการนำยุ้งข้าวซึ่งเป็นสมบัติของหมู่บ้านไปขาย ชาวบ้านได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังทางอำเภอห้วยราช และแจ้งความไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.ห้วยราช เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบเอาผิดต่อผู้ใหญ่บ้านและพวกแล้ว จนเวลาผ่านไปกว่า 1 เดือนแล้ว ต่เรื่องเงียบหายจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ
จึงได้ร่วมกันออกมาเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเอาผิดผู้ใหญ่บ้านและกรรมการหมู่บ้านที่รู้เห็นในการขายยุ้งข้าวและให้นำยุ้งฉางดังกล่าวกลับมาคืนเหมือนเดิมด้วย
นายครอง สมราศี อายุ 49 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน บอกว่า ที่ผ่านมาทั้งอดีตผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านได้ร่วมกันดูแลรักษายุ้งฉางดังกล่าวร่วมกันมาโดยตลอด แต่ผู้ใหญ่บ้านคนปัจจุบัน และคณะกรรมการกลับนำไปขายโดยที่ไม่มีการประชุมประชาคมแจ้งให้ทราบเลยทั้งที่เป็นสมบัติของส่วนรวม จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้ามาตรวจสอบเอาผิดทั้งวินัยและกฎหมายต่อผู้ใหญ่บ้าน และผู้มีส่วนรู้เห็นในการขายยุ้งข้าวในครั้งนี้
ทั้งนี้ จากการสอบถามชาวบ้านทราบคนที่ซื้อยุ้งข้าวดังกล่าวไปคือ นายมานะ นรินทร์รัมย์ อายุ 33 ปี เป็นชาวบ้านในหมู่บ้านเดียวกันแต่อยู่คนละคุ้ม ห่างจากจุดที่ตั้งยุ้งเดิมประมาณ 300 เมตร จึงได้เดินทางไปตรวจสอบพบว่ายุ้งข้าวตั้งอยู่ที่บ้านของนายมานะจริง จึงได้สอบถามนายมานะถึงความเป็นไปเป็นมาว่าได้ยุ้งข้าวดังกล่าวมาได้อย่างไร
นายมานะบอกว่า ตอนแรก นายฉ่ำ กุสิรัมย์ ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่บริจาคให้ตั้งยุ้งข้าวในโครงการธนาคารข้าวของหมู่บ้านและเป็นหนึ่งในกรรมการหมู่บ้าน ได้มาเสนอขายยุ้งข้าวดังกล่าวให้ในราคา 11,000 บาท ทั้งได้บอกด้วยว่าได้มีการทำประชาคมขอความเห็นชอบจากชาวบ้านแล้วว่าให้ขายยุ้งดังกล่าวได้ ประกอบกับนายมานะเห็นว่าที่บ้านไม่มียุ้งเก็บข้าวเปลือกจึงได้ตัดสินใจซื้อโดยที่ไม่ทราบว่าที่จริงแล้วยังไม่มีการประชุมประชาคมชาวบ้านแต่อย่างใด
นายมานะยังบอกด้วยว่า รู้สึกไม่สบายใจที่ซื้อยุ้งข้าวดังกล่าวมา และอยากจะทำให้ถูกต้องคือให้นายฉ่ำนำเงินในการซื้อขายยุ้ง รวมทั้งขนย้ายยุ้งเป็นเงิน 16,000 บาทมาคืนให้ ตนพร้อมจะคืนยุ้งข้าวดังกล่าวให้เช่นกัน เพราะหากรู้ตั้งแต่แรกว่าไม่ได้รับความเห็นชอบจากชาวบ้านในการอนุญาตให้ขายยุ้งดังกล่าวตนจะไม่ซื้ออย่างเด็ดขาด
ขณะที่ นายสายพิน เจวรัมย์ ผู้ใหญ่บ้านบ้านส่วนรวม ที่ถูกกล่าวหาว่าร่วมกับกรรมการ แอบขายยุ้งธนาคารของหมู่บ้านปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนขายยุ้งข้าวดังกล่าวและไม่มีส่วนรู้เห็นกับการซื้อขาย ทั้งยังปัดความรับผิดชอบว่ากรณีที่ยุ้งข้าวหายจากจุดที่ตั้งเดิมไปอยู่ที่บ้านของใครก็ต้องเป็นบุคคลนั้นที่เป็นคนเอาไป