โคราชเต้นตั้ง กก.สอบ! ตัวเลขบันทึกกินเนสส์บุ๊ก “ปั่นเพื่อแม่” น้อยผิดคาด ได้รองบ๊วยอีสาน

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - โคราชเต้นตัวเลขบันทึกกินเนสส์บุ๊ก “ปั่นเพื่อแม่” น้อยผิดคาดได้รองบ๊วยภาคอีสาน ทั้งที่เป็นจังหวัดใหญ่มียอดผู้ลงทะเบียนมากสุด รองผู้ว่าฯ ชี้จุดเช็กพอยต์มีปัญหายิงบาร์โค้ดไม่ผ่านและเครื่องเสีย ชงผู้ว่าฯ ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงผู้ปฏิบัติหลายหน่วยงาน ย้ำเป็นความผิดพลาดของคณะทำงาน ทั้งที่ซักซ้อมและเน้นย้ำมาตลอด

วันนี้ (17 ส.ค.) นายวินัย วิทยานุกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงผลการจัดกิจกรรมปั่นจักรยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ “bike for MOM ปั่นเพื่อแม่” ของจังหวัดนครราชสีมา หลังตัวเลขบันทึกสถิติลงกินเนสส์บุ๊กเวิลด์เรกคอร์ดได้แค่ 1,140 คัน น้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 ของภาคอีสาน รองจากจังหวัดมุกดาหารที่ได้ 1,101 คัน ว่า โดยภาพรวมการจัดกิจกรรม “bike for MOM ปั่นเพื่อแม่” ผ่านพ้นไปด้วยความเรียบร้อย

แต่กรณีที่ตัวเลขของจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นจังหวัดใหญ่มีผู้มาลงทะเบียนมากที่สุดในภาคอีสาน คือกว่า 10,000 คน แต่ตัวเลขจำนวนจักรยานที่ปั่นบันทึกสถิติกินเนสส์บุ๊กกลับน้อยเป็นรองอันดับสุดท้ายของภาคอีสานนั้น เนื่องจากเกิดความผิดพลาดในการบันทึกข้อมูล ซึ่งจังหวัดแจ้งการบันทึกสถิติโลกไว้จำนวน 2,000 คัน ในวันจริงมีรถจักรยานที่เข้าร่วมปั่นจากการนับ ณ จุดสตาร์ทของทางจังหวัดมีจำนวน 1,998 คัน ซึ่งปล่อยออกเป็นขบวนแรก และทางคณะกรรมการของกินเนสส์บุ๊กจำนวน 3 คนที่มาเฝ้าสังเกตการณ์ให้ตัวเลขที่ 1,531 ราย

แต่เมื่อผ่านเข้าไปยังจุดเช็กพอยต์ที่บริเวณหน้าวัดโคกพรม ถ.มิตรภาพ เขตเทศบาลนครนครราชสีมา ซึ่งใช้นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมาจำนวน 40 คน สแกนบาร์โค้ด ปรากฏว่าเครื่องสแกนของนักศึกษา 7 รายเสีย และบางรายอาจยิงบาร์โค้ดไม่ผ่านหรือไม่เข้าระบบ ซึ่งเป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้น จึงทำให้ตัวเลขของจังหวัดนครราชสีมาออกมาน้อย ทั้งที่ความจริงมีประชาชนร่วมปั่นเพื่อแม่ในครั้งนี้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้

จากกรณีที่เกิดขึ้นนั้น วันนี้ตนจะเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมาที่รับหน้าที่ในการบันทึกข้อมูล, สำนักงานจังหวัดนครราชสีมา, ทีโอที และมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา เพื่อสรุปผลการทำงาน เนื่องจากที่ผ่านมาได้มีการกำชับเน้นย้ำเรื่องนี้มาโดยตลอดแต่สุดท้ายกลับทำงานผิดพลาด ซึ่งจะต้องมีผู้รับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้น