ศูนย์ข่าวศรีราชา - อำเภอสัตหีบ นำพสกนิกรทุกหมู่เหล่าทำบุญตักบาตร ปล่อยพันธุ์กุ้งลงทะเลถวายเป็นพระราชกุศลแม่ของแผ่นดิน เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา 12 สิงหาคม 2558
วันนี้ (12 ส.ค.) นายปริญญา โพธิสัตย์ นายอำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี เป็นประธานนำพสกนิกรทุกหมู่เหล่าร่วมประกอบพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งพระสงฆ์ 84 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา 12 สิงหาคม 2558 ณ หน้าที่ว่าการอำเภอสัตหีบ
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการน้อมรำลึกในมหากรุณาธิคุณ และถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ผู้ทรงดำเนินพระราชกรณียกิจที่เป็นประโยชน์ต่อพสกนิการชาวไทย และประเทศชาติอย่างอเนกประการ อีกทั้งเพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีที่มีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
นายปริญญา กล่าวว่า อำเภอสัตหีบเป็นศูนย์กลางศูนย์รวมใจระหว่างประชาชนทุกหมู่เหล่า ได้มีการจัดทำกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติเป็นประจำทุกปี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล และรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พสกนิการล้วนมีต่อพระบรมวงศานุวงศ์ อันเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของปวงชนชาวไทยตลอดมา และในโอกาสมหามงคลนี้ พสกนิกรชาวอำเภอสัตหีบ ขอดลบันดาลให้พระองค์ผู้ทรงเป็นแม่ฟ้าของแผ่นดินทรงมีพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง พระบารมีแผ่ไพศาล ให้พสกนิกรได้อยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุขตลอดไป
ส่วนที่เทศบาลตำบลเขตรอุดมศักดิ์ นายไพโรจน์ มาลากุล ณ อยุธยา นายกเทศมนตรีตำบลเขตรอุดมศักดิ์ เป็นประธานจัดกิจกรรมท้องถิ่นสีเขียว เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ณ บริเวณอ่าวทุ่งโปรง กองพันลาดตระเวน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน อ.สัตหีบ โดยมี นายประสงค์ เอี่ยมสุข รองนายกเทศมนตรี ผู้อำนวยการกองราชการ คณะวิทยากร และผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 150 คน ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้
นายสมบูรณ์ ชุมพาลี ปลัดเทศบาลในนามผู้จัดทำโครงการ กล่าวว่า ชีวิตความเป็นอยู่ของเราจำเป็นอย่างมากที่ต้องใช้ทรัพยากรธรรมชาติ เราจึงต้องเรียนรู้ที่จะเข้าใจธรรมชาติ อนุรักษ์ และใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์มากที่สุด เทศบาลตำบลเขตรอุดมศักดิ์ ได้เห็นความสำคัญดังกล่าวจึงจัดทำโครงการท้องถิ่นสีเขียว “เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ”
โดยการจัดกิจกรรมให้ความรู้เยาวชน และประชาชนในพื้นที่ และจัดกิจกรรมทำดีเพื่อแม่ ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำสู่ท้องทะเล 500,000 ตัว เพื่อส่งเสริม และสร้างจิตสำนึกการอนุรักษ์ทรัพยากรทางธรรมชาติอย่างยั่งยืน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งปลูกฝังจิตสำนึกการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติแก่เด็ก และเยาวชน
นายไพโรจน์ กล่าวว่า ประเทศไทยนับเป็นประเทศหนึ่งที่ประสบปัญหาคุณภาพสิ่งแวดล้อม และภาวะมลพิษทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เพราะการพัฒนาเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา ให้ความสำคัญต่ออัตราความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยการนำเอาทรัพยากรมาใช้ประโยชน์ แต่ไม่ได้วางแผนการบริหารจัดการที่เหมาะสมเพื่อเป็นการรองรับปัญหาที่จะเกิดขึ้น ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติที่เหลืออยู่มีสภาพเสื่อมโทรม โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ป่าชายเลน ซึ่งนับวันจะลดปริมาณลงเรื่อยๆ จนทำให้เกิดผลกระทบต่อสัตว์น้ำซึ่งใช้ป่าชายเลนเป็นที่อยู่อาศัย เพาะพันธุ์สัตว์อ่อน ฉะนั้นการให้ความรู้ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติจึงเป็นเรื่องที่จำเป็น ตลอดจนเป็นการสร้างจิตสำนึกการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดขึ้นแก่เยาวชน และประชาชนต่อไป