xs
xsm
sm
md
lg

อินเดียจี้ไทยแก้ปัญหาเจ็ตสกีพัทยาเอาเปรียบนักเที่ยวภารตะ นายก ส.นักธุรกิจพัทยาเสนอยกเลิกทั้งหมด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวศรีราชา - อินเดียจี้ไทยแก้ปัญหาเจ็ตสกีพัทยาเอาเปรียบนักเที่ยวภารตะ ก.ต่างประเทศ ร่อนหนังสือถามมาตรการแก้ไขปัญหาจากเมืองพัทยา ด้าน นายก ส.นักธุรกิจพัทยา ชี้บังคับใช้กฎหมายต้องเด็ดขาด ก่อนเสนอยกเลิกให้บริการเจ็ตสกีริมหาด หลัง 4 ปี แก้ปัญหาไม่ได้ ระบุตลาดอินเดียหายพัทยาวูบแน่

บ่ายวันนี้ (6 ส.ค.) ที่ห้องประชุมศาลาว่าการเมืองพัทยา นายรณกิจ เอกะสิงห์ รองนายกเมืองพัทยา เป็นประธานการประชุมคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาแก่ผู้ประกอบการเรือเจ็ตสกีในเมืองพัทยา โดยมีตัวแทนจากสำนักงานเจ้าท่าส่วนภูมิภาค สาขาพัทยา เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทศกิจเมืองพัทยา เจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันภัยพิบัติทางทะเล เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ และตัวแทนภาครัฐ และเอกชนเข้าร่วม

นายรณกิจ รองนายกเมืองพัทยา กล่าวว่า เมืองพัทยาได้รับหนังสือจากกระทรวงการต่างประเทศ โดยแจ้งให้ทราบ และขอสนับสนุนข้อมูลกรณีได้จัดประชุมคณะกรรมมาธิการร่วมเพื่อความร่วมมือทวิภาคีไทย-อินเดีย ครั้งที่ 7 ในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส โดยปลัดกระทรวงการต่างประเทศอินเดีย ได้ยกประเด็นเกี่ยวกับการที่นักท่องเที่ยวอินเดีย เดินทางไปเมืองพัทยา และได้รับความไม่เป็นธรรมในการเรียกเก็บค่าบริการของผู้ประกอบการเจ็ตสกี โดยขอให้ฝ่ายไทยแก้ไขปัญหาเพื่อให้เกิดความโปร่งใส โดยให้เมืองพัทยา ทำหนังสือชี้แจงมาตรการในการกำกับดูแลผู้ประกอบการและยาพาหนะทางน้ำอื่นๆ

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ทางผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ได้ให้วามสำคัญต่อปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นจนมีการแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาดูแลมาโดยตลอด แต่ก็ยังพบว่า ปัญหายังไม่ได้รับการคลี่คลาย เมื่อกระทรวงการต่างประเทศส่งหนังสือมาแบบนี้จำเป็นต้องทำงานมากขึ้นเพื่อความเป็นรูปธรรมในการจัดการแก้ไขปัญหา จึงเรียกคณะทำงานจากหน่วยงานต่างๆ ข้างต้อนเพื่อระดมสมองหาแนวทางกำหนดมาตรการก่อนสรุปส่งเรื่องชี้แจงไปยังกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งรายละเอียดจะครอบคลุมทั้งเรื่องการจัดทำประกันภัย การแก้ไขกฎหมาย การจัดโซนนิ่ง และการตั้งคณะกรรมการไกล่เกลี่ย

ด้าน นายสนิท บุญมาฉาย สมาชิกสภาเมืองพัทยา กล่าวว่า ที่ผ่านมาข้อสรุปของการดำเนินการคือ หากเกิดปัญหาเรื่องเจ็ตสกีกับนักท่องเที่ยวนั้นต้องมีการแจ้งเหตุเข้าศูนย์วิทยุสีคราม พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจรับทราบเรื่อง หลังจากนั้น เมืองพัทยาจะประสานงานผู้เกี่ยวข้องลงพื้นที่ร่วมตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนไปหาข้อสรุปที่ สภ.เมืองพัทยา

แต่ทั้งนี้ที่ผ่านมาพบว่า เรื่องมักจะจบบริเวณจุดเกิดเหตุมีการเรียกร้องค่าเสียหายเกินจริงเพราะต้องแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้ผู้เกี่ยวข้อง หากจะแก้ไขปัญหานี้ต้องแก้ที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่ให้ความสำคัญต่อการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง จนกลายเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อมานาน

ขณะที่ พ.ต.ต.ปิยะพงษ์ เอนสาร สารวัตรตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา ให้ข้อมูลการรับแจ้งเหตุที่มีนักท่องเที่ยวโทรศัพท์แจ้งเข้ามายังสถานีตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยาแยกตามเดือนได้ ดังนี้ เดือนกุมภาพันธ์ 2558 มีการแจ้ง 2 ครั้ง เดือนมีนาคม 2558 มีการแจ้ง 1 ครั้ง เดือนเมษายน 2558 มีการแจ้ง 2 ครั้ง เดือนพฤษภาคม 2558 มีการแจ้ง 2 ครั้ง เดือนมิถุนายน 2558 มีการแจ้ง 8 ครั้ง และเดือนกรกฎาคม 2558 มีการแจ้ง 9 ครั้ง

“เมื่อได้รับแจ้งแล้วนักท่องเที่ยวบางรายจะแสดงความประสงค์ว่า ให้ตำรวจท่องเที่ยวไปช่วยเหลือ แต่บางรายก็แจ้งต่อตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ซึ่งเรื่องนี้อยากให้มีการกำหนดมาตรการต่อผู้ประกอบการเจ็ตสกี และมาตรการการทำงานให้มีความชัดเจน เพราะเรื่องดังกล่าวเมื่อเกิดเหตุแล้วจะเสียภาพลักษณ์การท่องเที่ยวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”

นายสินธ์ไชย วัฒนศาสตร์สาธร นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา กล่าวด้วยว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ส่งหนังสือมายังเมืองพัทยาแบบนี้แสดงให้เห็นถึงสัญญาณเตือนจากประเทศอินเดีย ซึ่งทุกฝ่ายต้องให้ความสำคัญหากต้องการจะขับเคลื่อนเมืองพัทยาต่อไปอย่างมีศักยภาพ เพราะแต่ละปีนักท่องเที่ยวอินเดียจะนำเม็ดเงินการท่องเที่ยวเข้าประเทศปีละเป็นหมื่นล้าน และการแก้ไขปัญหาดังกล่าวเมืองพัทยาก็ทำมาโดยตลอด 4 ปี แต่ยังแก้ไขปัญหาไม่ได้ มองดูว่าผู้ประกอบการเองก็ไม่ได้มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหานี้

“จึงอยากเสนอให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง และเด็ดขาด ซึ่งต้องทำกันจริงๆ และหากยังพบว่า ผู้ประกอบการเจ็ตสกียังคงสร้างปัญหาอีกก็ขอเสนอให้มีการยกเลิกการให้บริการทั้งหมด เพราะหากตลาดท่องเที่ยวอินเดียหายไปแล้วเศรษฐกิจเมืองพัทยาจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงแน่นอน”

อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมจะได้ดำเนินการชี้แจง และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการในการกำกับดูแลผู้ประกอบการเจ็ตสกี และยานพาหนะทางน้ำอื่นๆ ก่อนสรุปเป็นข้อมูลเสนอต่อกระทรวงการต่างประเทศ และจะได้เรียกผู้ประกอบการอู่ต่อเรือมาร่วมเป็นคณะทำงานเพื่อลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้น ก่อนจะมีการชี้ชัดรูปแบบ และมาตรการการให้บริการแก่ผู้ประกอบการเจ็ตสกีดังกล่าวต่อไปในเร็ววันนี้ด้วยเช่นกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น