เชียงราย - ชาวบ้านริมน้ำโขงแถบชายแดนเชียงรายแห่นำเรือฝ่าสายน้ำที่เชี่ยวกรากเกี่ยวซุงปริศนาไม่รู้ที่มาที่ไป ลอยมาเป็นแพยาวนับ 10 กม.ขึ้นฝั่งก่อนแปรรูป-ผ่าทำฟืนขายกันสนุก เผยมีมาทุกปี แต่ปีนี้มากเป็นประวัติการณ์แบบไม่เคยพบเคยเห็น
วันนี้ (5 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ชาวบ้านที่อยู่อาศัยบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง ตั้งแต่สามเหลี่ยมทองคำ บ้านสบรวก ม.1 ต.เวียง-บ้านป่าสักหาเวียง ม.9 ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย หลายรายที่มีความชำนาญเฉพาะตัว ต่างพากันนำเรือหาปลา ออกไปกลางแม่น้ำที่เชี่ยวกรากเพื่อดักเก็บท่อนซุง-เศษไม้ ที่ลอยมาตามกระแสน้ำ ก่อนนำขึ้นฝั่งมาทำเป็นไม้ฟืน-ไม้แปรรูปขายเป็นรายได้เสริม เช่นเดียวกับฤดูน้ำหลากทุกปี
โดยปีนี้พบว่าหลังระดับน้ำโขงเพิ่มสูงขึ้นได้มีเศษไม้ ท่อนซุง ลอยมากับสายน้ำโขง โผล่ให้เห็นที่บ้านสบกก ตั้งแต่ช่วงบ่ายแก่ๆ ของวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา แต่คราวนี้ชาวบ้านที่พบเห็นต่างตกตะลึงกันทั่ว เนื่องจากไม้ที่ลอยมาในแม่น้ำโขงนั้นลอยติดกันเป็นแพยาวนับ 10 กม. เรียกว่ามีเศษไม้-ท่อนซุง มากมายมหาศาลแบบไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน
ชาวบ้านได้จับกลุ่มกันจับจองพื้นที่ริมฝั่งที่เหมาะสมเป็นจุดๆ โดยเฉพาะแถบบ้านป่าสักหางเวียง เพราะเป็นเวิ้งน้ำที่โค้งมาจากท่าเรือแม่น้ำโขงเชียงแสนแห่งที่ 1 และกระแสน้ำไม่ไหลเชี่ยว รวมทั้งใกล้กับเกาะทรายกลางแม่น้ำพอดี จากนั้นก็นำเรือหางยาวที่ติดเครื่องยนต์ ซึ่งตามปกติใช้หาปลาออกไปดักเอาท่อนไม้ที่ลอยมากลางแม่น้ำ เมื่อพบท่อนไม้ที่ต้องการก็จะใช้เชือกมัดและทำการลากมารวมๆ กันไว้ที่ริมฝั่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การหาไม้ในแม่น้ำโขงของชาวบ้าน อ.เชียงแสนดังกล่าวกระทำติดต่อกันมานาน เนื่องจากในฤดูน้ำหลากราวเดือนสิงหาคมเป็นต้นไปกระแสน้ำจะพัดเอาท่อนไม้มาจากประเทศพม่า-สปป.ลาว และจีนตอนใต้ไหลมา ซึ่งไม้เหล่านี้ไม่มีเจ้าของ และไม่สามารถระบุแหล่งที่มาได้อย่างชัดเจน เป็นเหมือนของได้เปล่า ซึ่งกลายเป็นแรงจูงใจให้ออกไปเสาะหาเพื่อนำมาใช้ประโยชน์
อย่างไรก็ตาม การจะนำเรือออกไปดักไม้ดังกล่าวเป็นงานอันตราย และต้องอาศัยความชำนาญของชาวบ้าน เนื่องจากกระแสน้ำในช่วงฤดูน้ำหลากนี้เชี่ยวกราก และมีทั้งท่อนไม้ วัชพืช เศษไม้ ฯลฯ ลอยมาอย่างหนาแน่น ซึ่งอาจชนกับเรือได้ รวมทั้งเมื่อเรือสินค้าลำใหญ่แล่นผ่านมาจะมีคลื่นใหญ่จนเกิดอันตรายแก่คนที่อยู่ในเรือเล็กได้
นายคำ อุตตาลี อายุ 63 ปี ชาวบ้านป่าสักหางเวียง หนึ่งในผู้ออกหาไม้แม่น้ำโขง กล่าวว่า ตามปกติชาวบ้านจะมีอาชีพการเกษตร หรือประมง แต่เมื่อถึงฤดูน้ำหลาก น้ำโขงจะพัดเอาท่อนไม้จำนวนมากมากับกระแสน้ำ ซึ่งเชื่อกันว่ามาจากประเทศจีน และบางครั้งได้ข่าวว่าประเทศเพื่อนบ้านมีการตัดต้นไม้เป็นท่อนซุงเอาไว้ตรงเกาะกลางแม่น้ำโขง เมื่อระดับน้ำขึ้นสูงจึงได้พัดพาเอาไม้ทั้งหมดไหลเข้าสู่เขตประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นประเภทไม้กระยาเลย ไม้แดง ไม้เนื้ออ่อนที่ใช้ทำฟืน ฯลฯ
“คนที่ชำนาญก็จะรู้ว่าไม้ที่มีคุณภาพจะมีลักษณะหนักและจมน้ำลงไปเล็กน้อยเหลือโผล่ขึ้นผิวน้ำไม่มากนักจึงนำเรือเข้าใกล้ และลากเข้าฝั่ง ส่วนไม้ที่ลอยอยู่ทั่วไปก็มีอยู่จำนวนมากแต่ไม่ค่อยมีค่าเท่าใดนัก”
นายคำบอกว่า ไม้ที่เราเข้าสู่ฝั่งส่วนใหญ่ก็จะนำมาเลื่อย มาผ่าซีก เพื่อทำเป็นท่อนฟืน แล้วนำไปวางขายบนฝั่งเป็นกอง กองหนึ่งกว้างประมาณ 1 เมตร ยาว 1 เมตร สูง 1 เมตร ขายกองละประมาณ 250 บาท ชาวบ้านที่ต้องการสามารถแวะซื้อฟืนไปใช้ได้ในราคาถูก ส่วนไม้ที่มีค่าซึ่งเป็นไม้เนื้อแข็ง ท่อนซุงหรือไม้แปรรูปก็จะขายท่อนละประมาณ 700-800 บาท
“ก็ถือเป็นอาชีพเสริมเพราะปีหนึ่งๆ อาจจะทำกันได้ครั้งเดียวหรือไม่กี่ครั้ง ครั้งละประมาณ 2-3 วัน หากว่าระดับน้ำลดลงและไม่พัดพาท่อนไม้ไปอีกก็เลิกรากันกลับไปทำอาชีพเดิมต่อไป” นายคำกล่าว
