ไม่เว้น! หยุดยาวเข้าพรรษา เซียนอีสานทะลักเข้าเขมรเล่นพนันบั้งไฟอาเซียน “ช่องสะงำ”

ศรีสะเกษ - ไม่ละเว้น! หยุดยาวเข้าพรรษา เซียนบั้งไฟอีสานทะลักเข้าไปเล่นพนันบั้งไฟอาเซียนในฝั่งเขมร ชายแดนไทยด้านช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ ศรีสะเกษ ขณะ จนท.ด่านตรวจคนเข้าเมือง และฝ่ายความมั่นคงตรวจคุมเข้มการเข้าออก เผยจับกุมรถบรรทุกบั้งไฟที่จะนำเข้ากัมพูชาได้ 48 บั้ง

วันนี้ (2 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่จุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ในช่วงเทศกาลวัดหยุดยาวเข้าพรรษาปีนี้ได้มีบรรดาเซียนพนันบั้งไฟจากหลายจังหวัดในเขตภาคอีสาน พากันเดินทางทั้งรถปิกอัพ และรถตู้เพื่อผ่านแดนเข้าไปชมการจุดบั้งไฟอาเซียนในฝั่งประเทศกัมพูชา ห่างจากช่องสะงำเข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตร (กม.) กันอย่างคึกคัก

การจุดบั้งไฟดังกล่าวเหมือนกับประเพณีบุญบั้งไฟของไทยทุกอย่าง ซึ่งมีฐานจุดบั้งไฟ 2 ฐาน ห่างกันประมาณ 50 เมตร แต่ผู้ที่เข้าไปชมการจุดบั้งไฟ และเล่นพนันบั้งไฟต้องเสียค่าผ่านประตูคนละ 400 บาท โดยมีทีมงานคนไทยที่เข้าไปจัดงานจุดบั้งไฟเป็นคนเก็บค่าผ่านประตู ซึ่งกลุ่มที่จัดงานจุดบั้งไฟเป็นกลุ่มคนไทยที่อ้างว่า ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องจากทางการกัมพูชาให้จุดบั้งไฟ และเล่นการพนันบั้งไฟได้

ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของไทยได้มีการเข้มงวดการนำบั้งไฟเข้าไปในเขตกัมพูชาอย่างเต็มที่ โดยเมื่อช่วงวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจได้จับกุมรถบรรทุกบั้งไฟ จำนวน 48 บั้ง ที่จะนำเข้าไปในเขตกัมพูชา เนื่องจากไม่มีการขออนุญาตถูกต้องตามระเบียบกฎหมายที่กำหนดไว้ และนำผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมดส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.ภูสิงห์ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

พ.ต.ท.เศรษฐภัทร ณ สงขลา สารวัตรใหญ่ด่านตรวจคนเข้าเมืองช่องสะงำ กล่าวว่า ด่านตรวจคนเข้าเมืองช่องสะงำ ได้ทำการตรวจเข้มผู้ผ่านเข้าออกด่านผ่านแดนถาวรช่องสะงำอย่างเข้มงวด โดยผู้ที่จะผ่านแดนเข้าไปประเทศกัมพูชาต้องใช้หนังสือเดินทาง หรือพาสปอร์ต และหนังสือผ่านแดนชั่วคราว หรือบอร์เดอร์พาสเท่านั้น หากไม่มีเอกสารทั้ง 2 อย่าง เจ้าหน้าที่จะไม่ยอมให้ผ่านเข้าไปในเขตประเทศกัมพูชาอย่างเด็ดขาด

ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ทำการตรวจเข้มทั้ง 2 ด่าน คือ ที่ด่านตรวจของทหารที่บ้านนาตำบล ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ และ ด่านบีแอลโอ ห่างจากช่องสะงำ ประมาณ 200 เมตร เพื่อไม่มีสิ่งผิดกฎหมายผ่านเข้ามาในเขตประเทศไทย หรือออกไปอย่างเด็ดขาด

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การจุดบั้งไฟอาเซียนในฝั่งประเทศกัมพูชา ที่ชายแดนช่องสะงำครั้งนี้ เป็นการจัดขึ้นในช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา โดยทางฝ่ายผู้จัดงานอ้างว่าได้รับอนุญาตจากทางการของกัมพูชาอย่างถูกต้องตามกฎหมายและจะทำการจุดบั้งไฟต่อเนื่อง 5 วัน ทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยที่เกี่ยวข้องต้องตรวจเข้มงวดเพื่อไม่ให้มีการกระทำผิดกฎหมายเกิดขึ้นในเขตแดนไทย