เชียงราย - เกิดเหตุไฟไหม้บ้านกลางสายฝน เจ้าหน้าที่ต้องระดมรถดับเพลิงช่วยชาวบ้านระงับเหตุนานนับชั่วโมง แต่เอาไม่อยู่ สุดท้ายบ้านวอดทั้งหลัง แถมพบศพพ่อเฒ่าวัย 87 ปี มีอาการทางประสาท เก็บตัวอยู่ในห้องตามลำพังมานานหลายปีถูกไฟคลอกดับอนาถ เผยญาติพยายามช่วย แต่ผู้ตายจับหน้าต่างไว้แน่นไม่ยอมหนีไฟ
ร.ต.ท.ชวลิต วงค์ชัย ร้อยเวร สภ.ย่อยบ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ที่บ้านเลขที่ 1 บ้านโล๊ะป่าห้า ม.7 ต.แม่ข้าวต้ม อ.เมือง เมื่อเวลา 22.45 น.ที่ผ่านมา (25 ก.ค.) จึงรายงาน พ.ต.อ.ภูมิปัญญา นวตระกูลพิสุทธ์ ผกก.สภ.เมืองเชียงราย และประสานหน่วยกู้ภัย ก่อนไปตรวจสอบและสอบสวน
เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบที่เกิดเหตุเป็นบ้าน 2 ชั้น ครึ่งตึกครึ่งไม้ ต้นเพลิงเกิดขึ้นบริเวณชั้น 2 ของบ้าน ซึ่งเป็นห้องนอน รถดับเพลิงองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) แม่ข้าวต้ม ชาวบ้าน และหน่วยกู้ภัยสยามรวมใจปู่อินทร์ ได้เร่งช่วยกันฉีดพ่น สาดน้ำสกัดกันอย่างเต็มที่ แต่การควบคุมเพลิงเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากเป็นช่วงกลางดึก และตัวบ้านที่ทำด้วยไม้บางส่วน เป็นเชื้อไฟอย่างดี แม้ว่าช่วงเกิดเหตุจะมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องก็ตาม
เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลานานประมาณ 1 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ แต่พบว่าบ้านถูกไฟไหม้จนเกือบวอดทั้งหลัง ข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านถูกไฟไหม้จนเสียหายทั้งหมด ภายในห้องนอนที่ชั้น 2 ของบ้านยังพบศพผู้เสียชีวิตถูกไฟคลอกอยู่ 1 ราย ทราบชื่อต่อมาคือ นายตุ่น แสนคำลือ อายุ 87 ปี สภาพศพถูกไฟไหม้ทั้งร่าง
จากการสอบถามข้อมูลเบื้องต้นทราบว่า นายตุ่น เป็นผู้ที่มีอาการทางประสาท ปกติจะเก็บตัวอยู่ที่ชั้น 2 ของบ้านตามลำพังโดยไม่ยอมให้ผู้ใดเข้าไปในห้องนอนมานานหลายปีแล้ว ก่อนเกิดเหตุนายตุ่น นอนพักอยู่ที่ชั้น 2 ของบ้าน ส่วนลูกหลานพากันนอนกันอยู่ที่ชั้นล่าง กระทั่งกลางดึกได้เกิดกลุ่มควันคละคลุ้ง และเพลิงลุกไหม้ขึ้นที่ชั้น 2 ขณะที่ชาวบ้านต่างพากันตะโกนเรียกให้คนในบ้านหนีออกมาได้
ขณะที่ นายตุ่น ซึ่งสูงวัย และติดอยู่ที่ชั้น 2 ของบ้านไม่ได้ตามออกมาด้วย แม้ทางญาติจะพยายามเข้าไปช่วยเหลือ แต่นายตุ่น กลับไม่ยอม และใช้มือจับขอบหน้าต่างเอาไว้แน่น จนทำให้คนเข้าไปช่วยเหลือต้องวิ่งหนีไฟออกมาจากตัวบ้าน ส่วนนายตุ่น ถูกไฟคลอกจนเสียชีวิตบนชั้น 2 ของบ้านดังกล่าว
เบื้องต้น สันนิษฐานว่าผู้ตายอาจจุดไฟภายในห้องแล้วเกิดลุกไหม้จนควบคุมไม่ได้ และกลายเป็นเหตุที่ทำให้เกิดความสูญเสียดังกล่าว แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานแพทย์เวรโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ และตำรวจพิสูจน์หลักฐานเพื่อเข้าไปตรวจสอบ และหาข้อเท็จจริงโดยละเอียดอีกครั้ง
