ร้อยเอ็ด - จับแล้วหนุ่มลาวฆ่าชิงทรัพย์เสี่ยร้านขายส่งสินค้า สารภาพเมาเหล้า และเสพยา ฆ่าเพราะประสงค์ต่อทรัพย์เนื่องจากเงินไม่พอใช้จ่าย ตร.เร่งสรุปสำนวน เก็บหลักฐานเนื้อเยื่อพิสูจน์ดีเอ็นเอ ก่อนเร่งส่งฝากขังศาล
จากกรณีที่มีคนร้ายบุกเดี่ยวเข้าไปจี้ชิงทรัพย์ และใช้อาวุธมีดปลายแหลมแทงตัดขั้วหัวใจ นายอนุชิต ปะโคทานัง อายุ 24 ปี เจ้าของร้านณิชา ซึ่งเป็นร้านขายส่งสินค้าเบ็ดเตล็ด ตั้งอยู่ริมถนนสายสุวรรณภูมิ-ยโสธร เลขที่ 918/2 ม.20 ต.สระคู อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด จนเสียชีวิต และจับ นางอาริตา ปะโคทานัง อายุ 28 ปี ภรรยาของผู้เสียชีวิตมัดเอาไว้ในห้องนอน ก่อนขู่ให้บอกที่ซ่อนทรัพย์สินไม่เช่นนั้นจะฆ่าให้ตายพร้อมกับลูกเล็กๆ อีก 2 คน ที่นอนหลับอยู่ในห้อง
นางมาริตา ก็ได้บอกที่ซ่อนทรัพย์สิน และเงินสดพร้อมกับได้อ้อนวอนขอชีวิตเอาไว้ จนคนร้ายใจอ่อน หยิบเอาเบียร์ และบุหรี่มานั่งดื่ม และสูบจนหนำใจ และยอมไว้ชีวิต พร้อมกับรื้อค้นได้เงินสดไป 110,000 เศษ โดยเหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 22 ก.ค.2558 ที่ผ่านมา
จากการสอบสวน นางอาริตา เห็นใบหน้าของคนร้ายอย่างชัดเจน และบอกว่าคนร้ายพูดภาษาลาวเวียงจันทน์ เพราะบางคำไม่ใช่ภาษาถิ่นอีสานที่ใช้พูดกัน ลักษณะเป็นชายอายุประมาณ 25-30 ปี สูงประมาณ 160 ซม. ผิวดำแดง
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหาเบาะแสคนร้ายตามโรงงาน และร้านค้าที่มีลูกจ้างชาวลาวมาขายแรงงานอยู่ จนกระทั่งทราบว่า ผู้ก่อเหตุรายนี้คือ นายเก็ดสะนา หรือเจมส์ ดวงดารม อายุ 27 ปี ที่ทำงานอยู่โรงงานผลิตน้ำแข็งแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุไม่ถึง 100 เมตร และจากการยืนยันจากภาพถ่ายของคนร้ายรายนี้ซึ่งผู้เสียหายจำได้แม่น ศาลจังหวัดร้อยเอ็ด จึงได้ออกหมายจับ
จนกระทั่งเวลาประมาณ 20.00 น. คืนที่ผ่านมา (24 ก.ค.) นายเก็ดสะนา ได้ขับรถจักรยานยนต์หญิงยี่ห้อยามาฮ่า สีแดง สภาพค่อนข้างใหม่ ทะเบียน 1กก 6387 สกลนคร ย้อนกลับเข้าไปบ้านของนางกี้ ดวงดารม น้องสาวซึ่งพักอยู่กับสามีที่บ้านไม่มีเลขที่ บ้านไร่ ม.2 ต.ดอกไม้ อ.สุวรรณภูมิ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ซุ่มรออยู่จึงได้เข้าทำการจับกุม
จากการสอบสวน นายเก็ดสะนา ให้การรับสารภาพว่า ทำไปเพราะความเมา ก่อนลงมือฆ่านายอนุชิต เพียงลำพังคนเดียว โดยก่อนเกิดเหตุได้นั่งดื่มสุราขาวกับเพื่อนคนงานหมดไป 3 ขวดและตนได้เสพยาบ้าอีก 1 เม็ด พอขับรถจักรยานยนต์ออกจากบ้านพักคนงาน มองเห็นผู้ตายนั่งรับประทานอาหารอยู่ในบ้านเพียงลำพัง จึงเกิดความคิดว่าอยากจะได้เงินไปเที่ยวตามร้านอาหารที่มีหญิงบริการ ซื้อยาบ้ามาเสพ และเป็นค่าพาหนะเดินทางกลับบ้านที่บ้านนาหว้า เมืองทุละคม แขวงนครเวียงจันทน์
จึงได้จอดรถจักรยานยนต์ซุ่มเอาไว้ในที่มืดแล้วค่อยเดินย่องๆ เข้าไปข้างหลังบ้านพร้อมกับมีดปลายแหลมที่พกติดตัวไปแล้วหลบอยู่ข้างกล่องสินค้า พอได้จังหวะนายอนุชิต ผู้ตายเดินถือจานข้าวมาใกล้ๆ จึงออกจากที่ซ่อนใช้มีดจ้วงแทงหนึ่งครั้งที่หน้าอก นายอนุชิต ได้ร้องบอกภรรยาแล้วกอดปล้ำกับตนก่อนล้มลงขาดใจตาย
ตนจึงเดินเข้าไปงัดประตูห้องนอนของภรรยาผู้ตายแล้วใช้มีดขู่จับมัดไว้พร้อมให้บอกที่ซ่อนทรัพย์สิน ก่อนออกจากที่เกิดเหตุได้หยิบเอาเสื้อผ้าภายในร้านไปเปลี่ยนระหว่างการหลบหนี แล้วเอาชุดที่ใส่ก่อเหตุ และอาวุธมีดทิ้งลงหนองน้ำ จากนั้นนำเงินที่ได้ไปมอบให้นางกี้ ผู้เป็นน้องสาว 20,000 บาท บอกให้น้องโอนไปให้แม่ที่บ้านเกิด ก่อนขับจักรยานยนต์หลบหนีวนเวียนไปมาในพื้นที่ อาศัยนอนตามบ้านร้าง
จนกระทั่งวกกลับไปบ้านน้องสาวจนถูกจับได้ ส่วนเงินที่เหลือผู้ต้องหาอ้างว่าได้ใช้จ่ายหมดแล้ว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ และคาดว่าเงินจำนวนดังกล่าวอาจจะซ่อน หรือฝากไว้กับใครคนใดคนหนึ่ง
ต่อมา เมื่อเวลา 06.00 น. วันนี้ (25 ก.ค.) พ.ต.อ.สุริเดช วรรณสุทธิ์ ผกก.สภ.สุวรรณภูมิ ได้ควบคุมตัว นายเก็ดสะนา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพตามจุดต่างๆ แต่ไม่นำไปที่จุดเกิดเหตุ เพราะกลัวญาติผู้ตายรุมประชาทัณฑ์ โดยได้ใช้การชี้ภาพถ่ายจากที่เกิดเหตุแทน และจากการค้นหาของกลางในหนองน้ำ พบกางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงิน และเสื้อยืดแขนยาวสีเขียวที่ใช้ในวันก่อเหตุ ส่วนอาวุธมีดยังหาไม่เจอ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายเก็ดสะนา ไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พ.ต.อ.สุรัตน์ จันทะศิลป์ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ (พงส.ผทค.) สภ.สุวรรณภูมิ กล่าวว่า สรุปคดีนี้เป็นคดีฆ่าเพื่อประสงค์ต่อทรัพย์ หลังจากผู้ต้องหาสารภาพแล้วได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการบันทึกหลัฏฐาน รูปพรรณสัณฐาน รอยนิ้วมือ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า เส้นผม และเนื้อเยื่อกระพุ้งแก้มไว้เพื่อเทียบดีเอ็นเอ กับดีเอ็นเอ จากแก้วเบียร์ ขวดสปาย และร่องรอยที่คนร้ายทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุเพื่อประกอบสำนวนการดำเนินคดีต่อผู้ต้องหา ก่อนที่จะเร่งส่งตัวฝากขังศาลจังหวัดร้อยเอ็ดต่อไป