ร้อยเอ็ด-ทราบตัวคนร้ายใช้มีดฆ่าเสี่ยขายส่งของชำที่ อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ที่แท้เป็นคนงานชาวลาวในโรงน้ำแข็งใกล้บ้านที่สนิทกับผู้ตายดี ตำรวจบุกค้นเจอหลักฐานเสื้อเปื้อนเลือด แต่เจ้าตัวหลบหนีไปก่อนแล้ว เมียมือมีดเผยสามีกับผู้ตายไม่เคยโกรธแค้นกัน ด้านตำรวจพุ่งเป้าฆ่าชิงทรัพย์
ความคืบหน้าเหตุคนร้ายเข้าไปชิงทรัพย์และฆ่านายอนุชิต ปะโคทานัง อายุ 24 ปี เจ้าของร้านขายส่งของชำเสียชีวิตนอนจมกองเลือดที่หลังร้านณิชา ริมถนนสายสุวรรณภูมิ-ยโสธร เลขที่ 918/2 ม.20 ต.สระคู อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ล่าสุดวันนี้ (24ก.ค.) พนักงานสอบสวนทราบจากนางอาริตา ปะโคทานัง อายุ 28 ปี ภรรยาผู้ตายว่า ผู้ก่อเหตุคือนายเก็ดสะนา ดวงดารม ชาวลาวที่ทำงานอยู่ในโรงน้ำแข็งแห่งหนึ่ง ห่างจากบ้านผู้ตายไม่ถึง 100 เมตร จึงเดินทางไปตรวจค้นปรากฏว่า พบหลักฐานเสื้อผ้าเปื้อนเลือดในห้องพัก แต่ไม่พบตัวผู้ก่อเหตุ ที่หลบหนีไปก่อนหน้าแล้ว
เจ้าหน้าที่จึงนำตัวญาติคนร้าย 3 คนประกอบด้วยนายเพชร ดวงดารม พี่ชาย อายุ 30 ปี , นางขันทอง ดวงดารม น้องสาว อายุ 25 ปี , และนางก้อย ดวงดารม ภรรยาผู้ก่อเหตุ มาสอบปากคำที่ สภ.เมืองร้อยเอ็ด ซึ่งทั้งหมดปฏิเสธไม่มีส่วนรู้เห็น และไม่ทราบว่ามีการก่อเหตุ และหลังเกิดเหตุก็ไม่พบมือมีดอีกเลย โดยไม่ทราบว่าหายไปที่ใด
ขณะที่นางก้อยภรรยาคนร้าย กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าสามีไปก่อเหตุด้วยสาเหตุใด เพราะสามีและผู้ตายสนิทกันดี และมักเคยพูดคุยหยอกล้อกันเสมอ แต่คืนเกิดเหตุตนและสามีทะเลาะกันเรื่องส่วนตัว แล้วสามีแสดงอาการฮึดฮัด จากนั้นออกจากบ้านไป และกลับมากลางดึก รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดทิ้งไว้ ก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์ออกไป โดยไม่พูดอะไร ตนได้ถามถึงสาเหตุที่เสื้อผ้าเปื้อนเลือด สามีก็ไม่พูด ต่อมาจึงทราบว่าไปฆ่านายอนุชิต ปะโคทานัง เสียชีวิต โดยที่ตนเองก็คาดเดาสาเหตุไม่ออก เพราะไม่เคยทะเลาะกัน แม้ว่าเมื่อปีที่ผ่านมา ผู้ตายจะเคยถอยรถชนรถจักรยานยนต์ของสามีล้ม แต่ก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นเหตุถึงขั้นฆ่ากันตาย เนื่องจากผู้ตายได้จ่ายเงินค่าเสียหายให้สามีซ่อมรถแล้ว จากนั้นก็สนิทกันดี
ด้านพ.ต.ท.ธวัช ทองสุก รอง ผกก.สืบสวน สภ.สุวรรณภูมิ กล่าวว่า จากพยานหลักฐานและการสืบสวนสอบสวน มีความชัดเจนว่ามือสังหารคือนายเก็ดสะนา ดวงดารม อายุ 27 ปี เป็นคนลาวบ้านนาหว้า เมืองทุระคม แขวงนครเวียงจันทร์ สันนิษฐานว่าเป้าหมายคือการชิงทรัพย์ จึงขออนุมัติศาลออกหมายจับ พร้อมส่งตำหนิรูปพรรณสัณฐานและรูปถ่ายของมือมีด ไปทุกสถานีตำรวจเพื่อติดตามจับกุมดำเนินคดี
ขณะเดียวกันได้ประสานกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตามแนวตะเข็บชายแดนตลอดลำน้ำโขง สกัดกั้นการลักลอบหนีกลับประเทศ และจับกุมมาดำเนินคดี เชื่อว่าขณะนี้มือมีดรายนี้ยังหลบหนีอยู่ในเมืองไทย