กาญจนบุรี - ตำรวจชุดสืบสังขละบุรีพกหมายจับประสานทางการพม่ารวบตัวฆาตกรโหดทุบหัวฆ่าชิงทรัพย์คนไทย เตรียมออกหมายจับไล่ล่าอีก 1 ราย ตร.รับคดีมืดแปดด้าน โชคดีหนูน้อยวัย 10 ปี ลูกสาวเหยื่อหารายได้พิเศษเป็นมัคคุเทศก์น้อย นำ นทท.เที่ยวชมวัดฝั่งพม่าจำเสียง จยย.พ่อได้ รีบยืมโทรศัพท์มือถือนักท่องเที่ยวถ่ายภาพคนขับมอบให้ตำรวจจนจับกุมตัวได้
พ.ต.อ.ขวัญชัย ธีระกุล ผกก.สภ.สังขละบุรี เปิดเผยว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายสมาน วงศ์ชมภู อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11/8 หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ได้ถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้ของแข็งทุบที่ศีรษะเสียชีวิตที่ทางเข้าน้ำตกตะเคียนทอง พื้นที่หมู่ 9 ต.หนองลู รถจักรยานยนต์ยี่ห้อซูซูกิ สแมซ สีดำ สภาพเก่า ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนหายไป
หลังจากเกิดเหตุ พ.ต.ท.จุมพล เลขสุนทรากร รอง ผกก.สส.สภ.สังขละบุรี พ.ต.ท.สิงหา วังวงศ์ทอง รอง ผกก.ป.สังขละบุรี พ.ต.ท.สมชาย โตเฟื่อง สว.สส.สภ.สังขละบุรี พ.ต.ท.มงคล เกิดไทยดี สวป.สภ.สังขละบุรี ร.ต.อ.กฤตญุตม์ นุ่นชูคัน รอง สว.สส.สภ.สังขละบุรี และ ร.ต.ท.ภาวัต ธรรมวิเศษ รอง สว.สส.สภ.สังขละบุรี พร้อมกำลังได้ร่วมกันติดตามออกหาข่าวเพื่อติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ได้เร่งรัดให้สืบสวนหาตัวคนร้ายให้ได้ เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีที่สะเทือนขวัญมากสำหรับคนในพื้นที่
ทางเจ้าหน้าที่ทหาร นำโดย พ.อ.สราวุธ ไชยสิทธิ์ รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ ก็ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกทางหนึ่งด้วย แต่เนื่องจากในที่เกิดเหตุไม่พบหลักฐาน หรือร่องรอยของคนร้าย อีกทั้งไม่มีพยานที่พบเห็นเหตุการณ์เลยแม้แต่คนเดียว จึงทำให้ยากต่อการติดตามหาตัวคนร้าย
ล่าสุด เมื่อวันที่อาทิตย์ที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา ด.ญ.เอ (นามสนมมติ) อายุ 10 ปี ลูกสาวของผู้เสียชีวิตได้เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สังขละบุรี พร้อมกับนำภาพถ่ายจากโทรศัพท์มือถือให้เจ้าหน้าที่ดู โดยในภาพเป็นผู้ชายชาวพม่านั่งคร่อมอยู่กับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิต
โดย ด.ญ.เอ กล่าวว่า ขณะเป็นมัคคุเทศก์นำนักท่องเที่ยวชาวไทยไปเที่ยวชมวัดในพื้นที่อำเภอพญาตองซู ประเทศพม่า ขณะที่กำลังเดินอยู่ในตลาดอำเภอพญาตองซู ได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์วิ่งมา จำได้ว่าเป็นเสียงรถจักรยานยนต์ของพ่อที่ถูกคนร้ายชิงเอาไป จึงขอยืมโทรศัพท์มือถือจากนักท่องเที่ยวถ่ายภาพเอาไว้ได้ 2 ภาพ แล้วนำมามอบให้แก่เจ้าหน้าที่
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงลงพื้นที่อำเภอพญาตองซู เพื่อประสานกับทางการพม่า จนกระทั่งทราบว่าบุคคลที่อยู่ในภาพคือ นายซูติอ่อง จึงได้ไปเชิญตัวมาสอบปากคำ โดยนายซูติอ่อง ให้การว่า รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวมี นายอ่องจีทู ชาวพม่า อาศัยอยู่ที่บ้านบ่อญี่ปุ่น นำมาจำนำเอาไว้เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา ในราคา 1,230 บาท โดยไม่ทราบว่าไปก่อเหตุฆ่าชิงทรัพย์คนไทยมา
หลังจากรวบรวมพยานหลักฐานแล้วเสร็จจึงขออนุมัติหมายจับจากศาลทองผาภูมิ ที่ มจ.20/2558 ลงวันที่ 21 ก.ค.2558 หลังจากได้หมายจับในวันนี้ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ประสานกับทางการพม่าอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้ช่วยติดตามจับกุม จนกระทั่งเจ้าหน้าที่พบนายอ่อง จี ทู กำลังเดินอยู่ในพื้นที่บ้านเตาถ่าน ซึ่งอยู่ฝั่งไทย เจ้าหน้าที่จึงทำการปิดล้อม และสามารถจับกุมตัวเอาไว้ได้ และนำมาสอบสวนที่ สภ.สังขละบุรี
จากการสอบสวน นายอ่องจีทู ให้การยอมรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุฆ่าชิงทรัพย์ของนายสมาน วงศ์ชมภู เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.จริง โดยร่วมกับ นายหิน เพื่อนชาวพม่าในการก่อเหตุ และก่อนก่อเหตุตนกับ นายหิน ได้เข้าไปหาเก็บผักที่ป่าใกล้กับจุดเกิดเหตุ ต่อมา นายหิน ได้ชวนให้ตนมาดักปล้นชิงทรัพย์ของผู้ที่ผ่านไปมา ซึ่งตนก็ตกลง
จนกระทั่งพบนายสมาน ขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมา นายหิน จึงขวางทางแล้วเรียกให้หยุด แต่ปรากฏว่า นายหิน กับนายสมาน รู้จักกันเป็นอย่างดี ขณะที่ นายสมาน จอดรถจักรยานยนต์ นายหิน ได้ใช้ท่อนไม้ไผ่ที่เตรียมเอาไว้ฟาดเข้าที่ศีรษะของนายสมาน จนล้มลง ซึ่งตนก็ได้ใช้ไม้ตีเข้าศีรษะไป 2 ครั้ง จนนายสมาน เสียชีวิต จากนั้นนายหิน ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวโดนตนเป็นคนนั่งซ้อนท้ายแล้วนำรถจักรยานยนต์ไปจำนำกับนายซูติอ่อง ได้เงินมา จำนวน 1,230 บาท แล้วนำมาแบ่งกัน แต่สุดท้ายก็มาถูกจับกุมตัวได้ในที่สุด
พ.ต.อ.ขวัญชัย ธีระกุล ผกก.สภ.สังขละบุรี เปิดเผยต่อว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างกานสอบสวนผู้ต้องหา หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่จะได้ไปขออนุมัติหมายจับที่ศาลทองผาภูมิอีกครั้งหนึ่ง หลังจากได้ก็จะประสานกับทางการพม่า เพื่อให้ช่วยติดตามจับกุมตัว นายหิน คนร้ายที่ร่วมลงมือก่อเหตุ คาดว่าจะได้ตัวมาดำเนินคดีในเร็วๆ นี้
ในการนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องขมชื่นชมลูกสาวของผู้เสียชีวิตที่มีไหวพริบเป็นอย่างดี จำได้แม้กระทั่งเสียงรถจักรยานยนต์ของพ่อ จนกระทั่งสามารถนำภาพถ่ายคนที่นั่งอยู่บนรถจักรยานยนต์มามอบให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และนำมาสู่การจับกุมผู้ต้องหาได้ในที่สุด