อุดรธานี - สุดทน! แม่ร้องตำรวจเมืองอุดรฯ แจ้งจับผัวชั่วข่มขืนลูกสาวในไส้วัย 6 ขวบที่กระท่อมปลายนา หลังชีวิตคู่ 2 ผัวเมียระหองระแหงแยกกันอยู่ แต่พ่อตัณหากลับแอบไปรับลูกที่โรงเรียนมาอยู่ด้วยจนเกิดเหตุสลด สุดท้ายศาลออกหมายจับตามผลตรวจแพทย์
วันนี้ (21 ก.ค. 58) พ.ต.อ.ภูวิทย์ เวชกามา ผกก.สภ.อุดรธานี พร้อมด้วย พ.ต.ท.วัฒนา มายุรส พนง.สส.สภ.อุดรธานี ได้ร่วมกันสอบสวนนายสำรอง เลงไทยสงค์ อยู่บ้านเลขที่ 330 ม.2 ต.โนนสูง อ.เมืองอุดรธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดอุดรธานี เลขที่ 207/2558 ลงวันที่ 21 กรกฎาคม 2558 ในข้อหาพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี เพื่อการอนาจาร, ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี โดยกระทำแก่ผู้สืบสันดาน, ข่มขืนในผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายโดยกระทำแก่เด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปี และเป็นผู้กระทำรุนแรงในครอบครัว หลังจากนางสอง (นามสมมติ) ภรรยาของนายสำรอง ได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเป็นผู้ที่ลงมือข่มขืนลูกสาวตัวเองวัย 6 ขวบ
จากการสอบสวนนายสำรอง เลงไทยสงค์ ได้ปฏิเสธในทุกข้อกล่าวหา อีกทั้งยังกล่าวหานางสอง ซึ่งเป็นภรรยาของตนเองว่าเสี้ยมสอนให้ลูกใส่ร้ายพ่อ เพราะนางสองต้องการไปมีสามีใหม่ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวไว้ก่อนจะมีการต่อสู้คดีในชั้นศาลต่อไป
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 12.45 น. เมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.ท.วัฒนา มายุรส พงส.สภ.ย่อยโนนสูง อ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งจากนางสอง (นามสมมติ) อายุ 43 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ ต.กุดจับ อ.กุดจับ จ.อุดรธานีว่า ด.ญ.สาม (นามสมมติ) อายุ 6 ขวบลูกสาวได้ถูกนายสำรอง พ่อบังเกิดเกล้า ข่มขืนกระทำชำเรา โดยเหตุเกิดวันที่ 4 มิ.ย.จนถึงวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา
ในวันเดียวกันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวนางสอง และ ด.ญ.สาม มาให้ปากคำเพิ่มเติม ซึ่งนางสองให้การว่า ตนเป็นแม่ม่ายมาอยู่กินกับนายสำรอง 8 ปี มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน คือ ด.ญ.สาม โดยนายสำรองมีอาชีพขายไอศกรีมตามหมู่บ้าน ส่วนตนมีอาชีพแม่บ้าน รับจ้างทำความสะอาดตามหน่วยงานราชการ ระยะหลังตนและนายสำรองมักมีปากเสียงทะเลาะกัน เนื่องจากตนไม่ค่อยให้นายสำรองร่วมหลับนอนด้วย อีกทั้งยังระแวง และกล่าวหาตนว่าตนปันใจให้ชายอื่น ชอบทำร้ายร่างกาย ตนทนไม่ได้จึงได้หอบลูกหนีกลับไปอยู่กับญาติ
จากนั้นตนและลูกไปอยู่บ้านญาติได้ 1 เดือน ต่อมาวันที่ 4 มิ.ย. นายสำรองได้มารับ ด.ญ.สาม ที่หน้าโรงเรียน แล้วนำกลับไปอยู่ด้วยที่กระท่อมนา กระทั่งวันที่ 4 ก.ค.ตนคิดถึงลูกจึงได้ไปรับลูกที่กระท่อมนา จากนั้นสังเกตว่าลูกสาวเดินขาถ่าง ตนจึงเปิดดูอวัยวะเพศ ด.ญ.สาม พบว่าบวมแดง จึงถามนายสำรองว่ามึงข่มขืนลูกเหรอ ซึ่งนายสำรองก็ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ ตนจึงพาลูกกลับ
จากนั้นตนได้สอบถาม ด.ญ.สามว่าพ่อทำอะไรลูกมั้ย ด.ญ.สามจึงเล่าให้ตนฟังว่า พ่อได้เปิดคลิปหนังโป๊ในโทรศัพท์มือถือดู ก่อนจะบังคับให้ ด.ญ.สามใช้มือจับที่อวัยวะเพศให้ ส่วนพ่อได้ใช้นิ้วแหย่อวัยวะเพศลูกสาวจนสำเร็จความใคร่ ซึ่งพ่อจะทำในลักษณะนี้วันละ 3 ครั้ง ตนจึงได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ
หลังรับแจ้ง พนักงานสอบสวนได้นำ ด.ญ.สามไปตรวจหาร่องรอยการข่มขืนที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ซึ่งผลการตรวจแพทย์ระบุว่าพบร่องรอยการถูกล่วงละเมิดทางเพศเนื่องจากอวัยวะเพศบวมแดง และฉีกขาด และสอบสวนต่อหน้าสหวิชาชีพ จากนั้นจึงรวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติศาลออกหมายจับดังกล่าว