พิษณุโลก - ตำรวจวังทอง เมืองพิษณุโลก ตามจับตัววัยรุ่นมือค้อนทุบเจ้าอาวาสวัดวังสำโรงได้แล้ว คุมตัวสอบสารภาพทำไปเพราะโมโหถูกเจ้าอาวาสต่อว่าเล่นเฟซบุ้ก และไลน์เป็นประจำ ไม่สนใจสวดมนต์ ตำรวจดำเนินคดีในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และพกพาอาวุธ ไปในชุมชนหรือหมู่บ้านเวลาค่ำคืน”
เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (13 ก.ค.) ที่สถานีตำรวจภูธรวังทอง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก พระครูพิศาลธรรมรังสี หรือพระรุ่ง นาคธรรมชาติ อายุ 59 ปี เจ้าอาวาสวัดวังสำโรง ต.วังพิกุล อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ได้เดินทางมาชี้ตัวคนร้ายที่ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บหลายแห่ง โดยเหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้สอบสวนและสืบทราบว่าคนร้ายที่ลงมือกระทำคือนายเอ นามสมมติ อายุ 18 ปี ชาวบ้านพื้นที่หมู่ 4 ต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ จึงได้ออกหมายจับ ที่ จ.129/2558 ลงวันที่ 6 กรกฎาคม 2558 ในฐานความผิด “พยายามฆ่าผู้อื่น” และติดตามจับกุมได้ที่ชานชาลาสถานีรถไฟอุตรดิตถ์ ต.ท่าอิฐ อ.เมืองอุตรดิตถ์ ระหว่างที่นั่งรอรถไฟเพื่อหนีลงไปกรุงเทพฯ
โดยเหตุการณ์นี้สืบเนื่องจากได้มีคนร้ายทำร้ายร่างกาย พระครูพิศาลธรรมรังสี เจ้าอาวาสวัดวังสำโรง เจ้าคณะตำบลวังพิกุล เขต 2 จนได้รับบาดเจ็บตามตัวและศีรษะหลายแห่ง โดยใช้ค้อนและมีดบุกเข้าไปทำร้ายร่างกายหมายเอาชีวิตและทรัพย์สินบนกุฏิเจ้าอาวาสที่กำลังสร้างใหม่ ซึ่งพระครูพิศาลธรรมรังสี เจ้าอาวาสวัดวังสำโรง รอจังหวะคนร้ายเผลอจึงได้วิ่งหนีออกมาจากกุฏิแล้วไปหลบที่ภายในพระอุโบสถ แล้วขอความช่วยเหลือ
จากนั้นกลุ่มชาวบ้านได้พาพระครูพิศาลธรรมรังสีไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.วังทอง จ.พิษณุโลก และพาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาบพุทธชินราช เบื้องต้นพบว่าพระครูพิศาลธรรมรังสีมีอาการกะโหลกศีรษะร้าว มีแผลถูกฟันยาว 4 แห่ง และที่ด้านหลังอีก 1 แห่ง ต้องนอนรักษาตัวที่ รพ.พุทธชินราชเพื่อรักษาบาดแผลเป็นการเบื้องต้น
โดยหลังจากนายเอได้พบเจ้าอาวาสได้โผล่เข้าไปกราบขอขมาที่เท้าของเจ้าอาวาส พร้อมกับร่ำไห้และสำนึกผิดที่กระทำต่อเจ้าอาวาสดังกล่าว และยอมรับว่าตนได้ถูกเจ้าอาวาสวัดต่อว่าไม่สนใจบทสวดมนต์ ศึกษาหลักธรรม โดยใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเล่นเฟซบุ๊ก และไลน์เป็นประจำ พร้อมกับนอนดึกตื่นสาย ไม่ทันบิณฑบาต ซึ่งถูกต่อว่าหลายครั้ง จนเก็บอาการไม่ไหวกระทั่งมาก่อเหตุดังกล่าว
ทั้งนี้ นายเอสารภาพว่าสาเหตุที่กระทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินคดีในข้อหา พยายามฆ่า และพกพาอาวุธไปในชุมชนหรือหมู่บ้านเวลาค่ำคืน หลังจากนั้นจึงได้ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป