นครพนม-ไม่เชื่อ!อย่าเพิ่งหัวเราะเยาะนโยบายเลี้ยงจิ้งหรีดสู้แล้ง”ลุงตู่”แทนการทำนาสองผัวเมียนครพนมเผยช่วยกันเลี้ยง”จิ้งหรีดดำ”ส่งออก ฟันรายได้เดือนละกว่า 7 หมื่น จนไม่สนใจหวนกลับไปทำนาอีก
หลังจากพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หรือ”ลุงตู่”ออกมาแนะแนวประกอบอาชีพเสริมสู้ปัญหาภัยแล้งปลูกข้าวยังไม่ได้ ก็ไปทำอย่างอื่นโดยเฉพาะประเด็นพูดเชิงประชดให้ไปเลี้ยงจิ้งหรีดแทนนั้น ได้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์เหน็บแนมตามมาอย่างกว้างขวาง
ตลอดจนถูกนำไปเขียนการ์ตูนล้อเลียนตามสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อโซเชี่ยนจนขบขันกันไปทั่วเมือง พร้อมมีคำถามตามมาว่า”เลี้ยงจิ้งหรีดเป็นอาชีพเสริมตามแนว”ลุงตู่”นั้นจะเลี้ยงครอบครัวได้รอดหรือ!
ล่าสุด นางมน บุตรวงศ์ อายุ 38 ปี แม่ค้าทอดจิ้งหรีดดำขายที่ตลาดนัดคลองถมเทศบาลเมืองนครพนม ได้เปิดเผยว่าตนและสามีและลูกอีก 3 คน อาศัยอยู่บ้านต้อง ต.ดงขวาง อ.เมือง จ.นครพนม อาชีพเดิมทีก็ปลุกหอมแบ่งขาย บางปีก็ราคาดี บางปีก็ราคาตกขาดทุนยับเยิน ชะตาชีวิตไม่ต่างจากคนทำอาชีพเกษตกรรมทั่วไป
อย่างไรก็ตามเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตนและสามีตัดสินใจหันมาเลี้ยงจิ้งหรีดพันธุ์สีดำหรือ”จิ้งหรีดดำ”โดยทำโรงเรือนกั้นตาข่ายล้อมชิดเพื่อป้องกันจิ้งจก ตุ๊กแก เข้ามากินจิ้งหรีดที่เลี้ยงไว้ในโรงเรือน ก่อนจะทำตู้เลี้ยงอย่างจริงจังประมาณ 3 โรงเลี้ยง ซึ่งการเลี้ยงง่าย ลงทุนไม่มาก คือ ซื้อไข่และแม่พันธุ์มาวางไว้ในตู้ที่ทำไว้ ให้น้ำให้อาหารคือรำอ่อนใส่จานวางไว้เป็นอาหารจิ้งหรีด
ใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 1 เดือนก็จับขายได้ กิโลกรัมละ 130 บาท คือจิ้งหรีดมันจะวางไข่แพร่พันธุ์ไปปเรื่อยๆเร็วมากให้เราจับขายได้ตลอด
นางมนบอกอีกว่า สำหรับตลาดนั้นดีมากจะมีลูกค้าขาประจำมารับซื้อไปทอดขายตามตลาด ตลาดนัด งานบุญต่างๆโดยแม่ค้าแต่ละรายจะสั่งซื้อคนละ 50-100 กิโลฯ นอกจากนี้ยังมีลูกค้าจากประเทศเพื่อนบ้าน สปป.ลาว สั่งซื้ออีกด้วย ผู้บริโภคต้องการมาก บ้างก็ซื้อตัวสดๆไปเลี้ยงไก่ชน นก ฯลฯ
และทุกวันอังคาร-เสาร์ ตนก็ทอดจิ้งหรีดมาขายด้วยตนเองที่ตลาดนัดใกล้บ้าน ขายตัวสดพร้อม เฉลี่ยเดือนหนึ่งตนจะมียอดขายจึ้งหรีดประมาณ 7 หมื่นบาท เมื่อหักต้นทุนซื้อรำข้าวเลี้ยงจิ้งหรีดราวเดือน 2 หมื่นบาทตนก็จะเหลือ 5 หมื่นบาทเลี้ยงครอบครัวได้อย่างสบายๆ”
หลังจากพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หรือ”ลุงตู่”ออกมาแนะแนวประกอบอาชีพเสริมสู้ปัญหาภัยแล้งปลูกข้าวยังไม่ได้ ก็ไปทำอย่างอื่นโดยเฉพาะประเด็นพูดเชิงประชดให้ไปเลี้ยงจิ้งหรีดแทนนั้น ได้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์เหน็บแนมตามมาอย่างกว้างขวาง
ตลอดจนถูกนำไปเขียนการ์ตูนล้อเลียนตามสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อโซเชี่ยนจนขบขันกันไปทั่วเมือง พร้อมมีคำถามตามมาว่า”เลี้ยงจิ้งหรีดเป็นอาชีพเสริมตามแนว”ลุงตู่”นั้นจะเลี้ยงครอบครัวได้รอดหรือ!
ล่าสุด นางมน บุตรวงศ์ อายุ 38 ปี แม่ค้าทอดจิ้งหรีดดำขายที่ตลาดนัดคลองถมเทศบาลเมืองนครพนม ได้เปิดเผยว่าตนและสามีและลูกอีก 3 คน อาศัยอยู่บ้านต้อง ต.ดงขวาง อ.เมือง จ.นครพนม อาชีพเดิมทีก็ปลุกหอมแบ่งขาย บางปีก็ราคาดี บางปีก็ราคาตกขาดทุนยับเยิน ชะตาชีวิตไม่ต่างจากคนทำอาชีพเกษตกรรมทั่วไป
อย่างไรก็ตามเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตนและสามีตัดสินใจหันมาเลี้ยงจิ้งหรีดพันธุ์สีดำหรือ”จิ้งหรีดดำ”โดยทำโรงเรือนกั้นตาข่ายล้อมชิดเพื่อป้องกันจิ้งจก ตุ๊กแก เข้ามากินจิ้งหรีดที่เลี้ยงไว้ในโรงเรือน ก่อนจะทำตู้เลี้ยงอย่างจริงจังประมาณ 3 โรงเลี้ยง ซึ่งการเลี้ยงง่าย ลงทุนไม่มาก คือ ซื้อไข่และแม่พันธุ์มาวางไว้ในตู้ที่ทำไว้ ให้น้ำให้อาหารคือรำอ่อนใส่จานวางไว้เป็นอาหารจิ้งหรีด
ใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 1 เดือนก็จับขายได้ กิโลกรัมละ 130 บาท คือจิ้งหรีดมันจะวางไข่แพร่พันธุ์ไปปเรื่อยๆเร็วมากให้เราจับขายได้ตลอด
นางมนบอกอีกว่า สำหรับตลาดนั้นดีมากจะมีลูกค้าขาประจำมารับซื้อไปทอดขายตามตลาด ตลาดนัด งานบุญต่างๆโดยแม่ค้าแต่ละรายจะสั่งซื้อคนละ 50-100 กิโลฯ นอกจากนี้ยังมีลูกค้าจากประเทศเพื่อนบ้าน สปป.ลาว สั่งซื้ออีกด้วย ผู้บริโภคต้องการมาก บ้างก็ซื้อตัวสดๆไปเลี้ยงไก่ชน นก ฯลฯ
และทุกวันอังคาร-เสาร์ ตนก็ทอดจิ้งหรีดมาขายด้วยตนเองที่ตลาดนัดใกล้บ้าน ขายตัวสดพร้อม เฉลี่ยเดือนหนึ่งตนจะมียอดขายจึ้งหรีดประมาณ 7 หมื่นบาท เมื่อหักต้นทุนซื้อรำข้าวเลี้ยงจิ้งหรีดราวเดือน 2 หมื่นบาทตนก็จะเหลือ 5 หมื่นบาทเลี้ยงครอบครัวได้อย่างสบายๆ”