กาญจนบุรี - ระทึก! กระบะซิ่งฝ่าสี่แยกบ้านสระเศรษฐี อำเภอท่าม่วง กาญจนบุรี เฉี่ยวหน้ารถ 6 ล้อบรรทุกปูนพลิกคว่ำหลายตลบ บาดเจ็บ 11 ราย กระเด็นตกคลองชลประทานหายไป 1 ราย นักประดาน้ำเร่งค้นหา ยังไร้วี่แวว
เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (9 ก.ค.) ร.ต.ท.อำนาจ จันทร์บุตร์ พนักงานสอบสวน สภ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งเหตุจากพลเมืองดีว่า เกิดอุบัติเหตุรถยนต์กระบะชนกับรถ 6 ล้อบรรทุกปูน มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก และมีผู้กระเด็นตกลงไปในครองชลประทานหายไป 1 ราย เหตุเกิดที่ 4 แยกบ้านสระเศรษฐี หมู่ 5 ต.บ้านใหม่ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี หลังรับแจ้งจึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ ประจำจังหวัดกาญจนบุรี
ไปถึงพบรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้าวีโก้ สีดำ หมายเลขทะเบียน บว 6957 ราชบุรี คว่ำตะแคงอยู่บนถนนเรียริมคลองส่งน้ำชลประมาณ ห่างจาก 4 แยกสระเศรษฐี ประมาณ 50 เมตร สภาพรถยนต์กระบะพังเสียหายยับเยิน ข้าวของเครื่องใช้ตกกระจายเต็มพื้น มีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ รวม 11 ราย เจ้าหน้าที่ต้องรีบลำเลียงผู้บาดเจ็บส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 19 อย่างเร่งด่วน
นอกจากนี้ ยังมีคนกระเด็นตกลงไปในคลองจมหายไปเป็นชายอีก 1 ราย ซึ่งพลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์ไม่สามารถช่วยเหลือชีวิตเอาไว้ได้
ส่วนรถ 6 ล้อบรรทุก ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน 82-6436 กาญจนบุรี รถคู่กรณีจอดอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุบริเวณทางแยกประมาณ 50 เมตร สภาพด้านหน้ามีร่องรอยเฉียวชน มีนายชาญชัย อินทร์แจ้ง อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 85 หมู่ 4 ต.ตะคร้ำเอน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี เป็นคนขับ ยืนรอให้การต่อเจ้าหน้าที่อยู่
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดมากับรถยนต์กระบะ ประกอบด้วย 1.นายประการ ม่วงอยู่ อายุ 33 ปี อาการสาหัส ถูกส่งต่อไปยัง รพ.พหลพลพยุหเสนา 2.ด.ช.รัชชานนท์ ม่วงอยู่ อายุ 2 เดือน 3.นางยุพิน ม่วงอยู่ อายุ 58 ปี อาการสาหัสถูก ส่งต่อไปยัง รพ.พหลพลพยุหเสนา 4.ด.ญ.พิมพ์ลภัส ม่วงอยู่ อายุ 5 ปี 5.น.ส.ชุติมา ม่วงอยู่ อายุ 24 ปี
6.นางพาฝัน ม่วงอยู่ อายุ 37 ปี 8.ด.ญ.พิชชา ม่วงอยู่ ยังไม่ทรายอายุ 9.น.ส.รัตญา อยู่ญาติมาก อายุ 29 ปี 10.ด.ญ.หทัยทิพย์ อยู่ญาติมาก อายุ 12 ปี 11.นายเชาวฤทธิ์ พรมแบน อายุ 32 ปี และ 12.นายสุชาติ สิมาเลาเต่า ไม่ทราบอายุ กระเด็นตกลงไปในคลองชลประทาน ขณะนี้นายเฉลิมพนธ์ หงส์ยนต์ ประธานชมรมกู้ภัยทางน้ำภาค 7 พร้อมกำลังกำลังดำน้ำช่วยกันค้นหาร่าง จนถึงขณะนี้เวลา 15.00 น.ยังหาร่างไม่เจอ
นายชาญชัย อินทร์แจ้ง คนขับรถ 6 ล้อบรรทุกปูนเปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุตนขับรถบรรทุกปูนมาจากทางด้านอำเภอท่าม่วง เพื่อนำปูนไปส่งให้แก่ลูกค้าที่ จ.ราชบุรี เมื่อมาถึงทางแยกสระเศรษฐี ก็มีรถพ่วง 18 ล้อ จอดชะลอให้ตนวิ่งผ่านไปก่อน ซึ่งรถคันดังกล่าวอยู่ทางแยกทางขวามือ
ขณะที่ตนกำลังขับรถด้านหน้ามาถึงกลางสี่แยก จู่ๆ รถยนต์กระบะคันดังกล่าวที่มีผู้โดยสารนั่งอยู่กระบะหลังเป็นจำนวนมากได้วิ่งแซงรถพ่วง 18 ล้อ มาอย่างรวดเร็วโดยไม่มีการเหยียบเบรก แถบซ้ายของรถยนต์กระบะได้เฉี่ยวเข้าที่หน้ารถบรรทุกของตนอย่างแรง จนเสียหลักพลิกคว่ำมองเห็นหมุนไปหลายตลบ และเห็นคนกระเด็นตกลงจากรถหลายคน
นอกจากนี้ ยังมีคนกระเด็นตกไปในน้ำอีกจำนวนหนึ่ง หลังเกิดเหตุจึงรีบนำรถบรรทุกไปจอดข้างทาง และพยายามมาช่วยเหลือผู้บาดเจ็บดังกล่าว
ด้าน นายวสันต์ อ๊อดยาดี ชาว ต.สระลงเรือ อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี พลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ตนมาทำธุระกับพ่อในพื้นที่บ้านสระเศรษฐี และมาเห็นเหตุการณ์พอดี จึงรีบจอดรถแล้ววิ่งไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ และตนพบว่า มีคนลอยคออยู่ในคลองชลประทาน จำนวน 2 คน ตนจึงรีบกระโดดลงไปช่วยแต่สามารถช่วยเหลือขึ้นมาได้เพียงคนเดียว ส่วนคนที่จมหายไปเป็นชายนุ่งกางเกงยีนส์ อายุประมาณ 30 ปีเศษ ตนพยายามจะเข้าไปช่วยเหลือแต่ไม่สามารถช่วยได้ตนเห็นจมน้ำลงไปต่อหน้าต่อตา ไม่นานเจ้าหน้าที่มูลนิธิก็เดินทางมาถึง
ส่วน ร.ต.ท.อำนาจ จันทร์บุตร์ พนักงานสอบสวน สภ.ท่าม่วง กล่าวว่า สำหรับผู้ที่กระเด็นตกลงไปในคลองส่งน้ำชลประทาน ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังระดมกำลังช่วยกันค้นหา จนถึงขณะนี้ยังไม่พบร่าง เจ้าหน้าที่ต้องค้นหาด้วยความยากลำบากเนื่องจากกระแสน้ำไหลค่อนข้างรุนแรง ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 11 ราย ขณะนี้ยังไม่มีใครเสียชีวิต ส่วนสาเหตุจะเป็นอย่างไรขณะนี้กำลังสอบปากคำชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์อยู่ จึงยังไม่สรุปว่าใครผิดใครถูก
แต่เบื้องต้นทราบว่า ผู้ที่บาดเจ็บทั้งหมดเป็นญาติพี่น้องกันทั้งหมด และเป็นชาวจังหวัดนครปฐม ทราบว่าขับรถมาจาก อ.ทองผาภูมิ และกำลังมุ่งหน้าไปเที่ยวทะเล แต่ไม่ทราบว่าจะไปที่จังหวัดไหน คาดว่าคนขับไม่ชินเส้นทางจึงไม่รู้ว่าข้างหน้าเป็นทางแยก เมื่อเห็นรถพ่วงจอดชะลอจึงขับแซงไปอย่างรวดเร็ว จนทำให้เกิดอุบัติเหตุ และมีผู้บาดเจ็บเป็นจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตาม จะต้องเดินทางไปสอบปากคำผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาลเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้งหนึ่ง