มหาสารคาม - ลูกชายพาแม่และพี่สาวทำธุระที่ศาลากลางจังหวัดมหาสารคาม ขากลับได้กลิ่นน้ำมันคลุ้ง กระทั่งไฟลุกท่วมห้องเครื่อง โชคดีจอดรถหนีตายออกมาทันทั้ง 3 คน ตำรวจคาดสาเหตุจากสภาพรถเก่า อากาศร้อนจัด
เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 6 ก.ค. พ.ต.ท.ไพบูลย์ ฐิติญาณวิโรจน์ ร้อยเวร สภ.เมืองมหาสารคาม ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้รถยนต์ที่บริเวณไฟแดงสามแยกกาฬสินธุ์ จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากเทศบาลเมืองมหาสารคามนำรถดับเพลิงจำนวนสองคัน พร้อมรถตรวจการณ์
เมื่อไปถึงบริเวณที่เกิดเหตุพบรถยนต์ยี่ห้อนิสสัน รุ่นเอ็นวี แค็บ สีทอง ทะเบียน บบ 9330 มหาสารคาม จอดอยู่กลางสามแยกกาฬสินธุ์ เพลิงกำลังลุกไหม้รถกระบะ เจ้าหน้าที่จึงฉีดสารเคมีและฉีดน้ำดับเพลิง ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีเพลิงจึงสงบ
จากการสอบถามนายนันท์ จรัญภพ คนขับรถยนต์ กล่าวว่า ตนได้ขับรถไปทำธุระที่ศาลากลางจังหวัดมหาสารคาม และจะเดินทางกลับบ้านโดยมีแม่นั่งข้างหน้าและมีพี่สาวนั่งแค็บด้านหลัง ระหว่างทางแม่ได้กลิ่นน้ำมันเข้ามาในรถจึงบอกตน แต่ตนไม่ได้จอดรถลงไปดูแล้วขับต่อมาเรื่อยๆ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้กลิ่นน้ำมัน และกลิ่นไหม้เข้ามาในห้องเครื่องผิดปกติ จู่ๆ มีควันไฟพวยพุ่งจากหน้ากระโปรงรถและมีประกายไฟขึ้นมา
ตนตกใจรีบจอดรถก่อนจะบอกแม่และพี่สาววิ่งหนีเอาตัวรอดลงมาอยู่ข้างถนนเพราะกลัวรถจะระเบิด เนื่องจากกระบะท้ายรถยังมีถังบรรจุน้ำมันสำรองอีกถัง ซึ่งโชคดีไฟไม่ได้ลุกไหม้และระเบิดอีก สำรวจร่างกายตนและพี่สาวไม่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนผู้เป็นแม่นั้นเสียขวัญนั่งหมดแรงอยู่ข้างถนน
พ.ต.ท.ไพบูลย์ ฐิติญาณวิโรจน์ ร้อยเวร สภ.เมืองมหาสารคาม เปิดเผยว่า จากการสอบสวนที่เกิดเหตุ ทราบว่ารถคันเกิดเหตุเป็นรถยนต์มือสอง ซึ่งเจ้าของให้การว่าซื้อมาขับประมาณปีกว่า ส่วนมากขับเพียงในเมือง และข้ามอำเภอเท่านั้น คิดว่าสาเหตุการเกิดไฟไหม้ในห้องเครื่องครั้งนี้น่าจะมาจากรถมีสภาพเก่ากว่า 10 ปี สายไฟชำรุดเกิดไฟช็อตในห้องเครื่อง ประกอบกับอากาศที่ร้อนจัดในช่วงกลางวันทำให้เกิดความร้อนในห้องเครื่อง เพลิงจึงลุกไหม้ดังกล่าว
ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้รถติดเป็นระยะทางยาวกว่า 2 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ต้องเร่งเคลื่อนย้ายรถที่กีดขวางถนนและระบายรถให้กลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติเป็นเวลานานนับชั่วโมง