เชียงราย - พ่อค้าน้ำเต้าหู้เมืองเชียงรายเลิกพึ่งก๊าซแอลพีจี ประดิษฐ์ “เตาก๊าซชีวมวล” นำเศษวัสดุ แกลบ ซังข้าวโพด ฯลฯ เป็นเชื้อเพลิงใช้เอง พร้อมยื่นจดสิทธิบัตรเรียบร้อย เล็งผลิตขายเชิงพาณิชย์ต่อ
นายสมาน การินทา อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 100/1 บ้านหนองแรด ม.2 ต.หนองแรด อ.เทิง จ.เชียงราย เปิดเผยว่า ตนได้ยื่นจดสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์ “เตาก๊าซชีวมวล” ต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ที่คิดค้นขึ้นเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการซื้อถัง-เติมก๊าซหุงต้มในครัวเรือนเรียบร้อยแล้ว
นายสมานกล่าวว่า ในอดีตเคยใช้เตาแก๊ส ซึ่งต้องสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายทั้งซื้อถัง และเติมก๊าซ ทำให้ตนได้คิดค้นการนำขยะมาแปรรูปเป็นก๊าซชีวภาพ แต่พบว่าต้องเสียเวลาในการบ่มขยะ หรือวัสดุที่จะนำมาทำเป็นก๊าซนานเกินไป รวมทั้งบางครั้งเสียค่าใช้จ่ายมาก จึงใช้เวลาในการออกแบบเตาไฟดังกล่าว 5 ปี โดยผ่านการทดลองจนประสบความสำเร็จและนำไปจดสิทธิบัตรได้ดังกล่าว
ผลิตภัณฑ์เตาไฟดังกล่าวสร้างจากสเตนเลสที่เป็นทรงกระบอก สูงประมาณ 70 ซม.และกว้างประมาณ 30 ซม. ใช้พัดลมที่อยู่ด้านล่างเป่าเข้าไปในเตาที่เป็นทรงกระบอก เพื่อให้การเผาไหม้วัสดุภายในเตาที่เป็นวัสดุเหลือใช้ที่หาได้ไม่ยาก ทั้งแกลบข้าว ซังข้าวโพด เหง้ามันสำปะหลัง ชานอ้อย ขี้เลื่อย วัชพืชแห้ง ฯลฯ
“เตาไฟนี้มีหลักการทำงานคือ การนำแกลบ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงใส่ลงไปในเตา และมีพัดลมที่ต่อท่ออากาศอยู่ด้านล่างของเตาทำหน้าที่ในการนำออกซิเจนเข้าภายในเตา เมื่อเปิดพัดลมแล้วก็จุดไฟที่บริเวณแกลบด้านบนก็จะพบว่าเกิดการเผาไหม้ทันที และเกิดเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ผสมกับออกซิเจนจนกลายเป็นเปลวเพลิงเหมือนกับเตาแก๊สหุงต้มทั่วไป ที่ผ่านมาพบว่าจากการใช้แกลบข้าวในปริมาณ 3 กิโลกรัม สามารถให้เปลวเพลิงได้นานกว่า 1 ชั่วโมง” นายสมานกล่าว
นายสมานบอกว่า การมีเตาไฟดังกล่าวประกอบอาหารในครัวเรือนจะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างมาก โดยเปรียบเทียบกับช่วงที่ตนใช้เตาก๊าซหุงต้มธรรมดาในการทำน้ำเต้าหู้ขายในตลาด ก๊าซแอลพีจีจำนวน 1 ถังใช้ได้นานประมาณ 5 วัน แต่เมื่อหันมาใช้เตาก๊าซชีวมวลที่ผลิตขึ้นใหม่นี้ก็ไม่ต้องเสียค่าก๊าซหุงต้มเลย จึงได้นำไปจดสิทธิบัตรเอาไว้เพื่อป้องกันการถูกลอกเลียนแบบ จากนั้นก็จะผลิตเพื่อจำหน่ายให้แก่ผู้ที่สนใจจะซื้อไปใช้งานต่อไป