ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ตำรวจภาคภูธร 5 รวบผู้ต้องหาคดีว่าจ้างขนเฮโรอีน 43 กิโลกรัม ได้ในห้างกลางเมืองเชียงใหม่ หลังหลบหนีหมายจับศาลลำพูนตั้งแต่ปี 2554 โดยสวมบัตรประชาชนเป็นบุคคลอื่นเพื่อทำธุรกรรม และอำพรางตัว ระบุเป็นผู้จัดการเครือข่ายการค้ายาเสพติดรายสำคัญในไทยให้แก่พ่อตาที่เป็นผู้ควบคุมสั่งการอยู่ในแหล่งผลิตยาเสพติดประเทศเพื่อนบ้าน เตรียมเร่งขยายผลยึดทรัพย์เครือข่าย พร้อมจัดการขบวนการสวมบัตรประชาชน
วันนี้ (2 ก.ค.) ที่ตำรวจภูธรภาค 5 จังหวัดเชียงใหม่ พล.ต.ต.ประหยัชว์ บุญศรี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และ พล.ต.ต.ประจวบ วงศ์สุข ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 ร่วมกันแถลงผลการจับกุมตัว นายกิตติพันธ์ เอกสุริยะโชค หรือนายอะซือผะ เลาหมี หรือนายวีระพล เลาหมี อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23/1 หมู่ที่ 10 ตำบลเชียงดาว อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ตามหมายจับศาลจังหวัดลำพูน ที่ จ.257/2554 ลงวันที่ 24 ก.ค.54 ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีร่วมกันมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ที่หลบหนีจนกระทั่งถูกจับกุมตัวได้ในห้างย่านตลาดคำเที่ยง กลางเมืองเชียงใหม่ ช่วงเย็นวานนี้ (1 ก.ค.)
โดยในช่วงการจับกุมพบว่า ผู้ต้องหาได้มีการแสดงบัตรประจำตัวประชาชนเป็นชื่อนายเบเบ เลาซี ชาวอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน แต่จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ทราบว่า ขณะที่หลบหนีการจับกุมตลอดช่วงที่ผ่านมา ผู้ต้องหาได้ใช้บัตรประชาชนในชื่อ นายคายหยิง แซ่เฉื่อน ชาวอำเภอปากเกร็ด จังหวัดหวัดนนทบุรี ซึ่งจ่ายค่าดำเนินการให้ขบวนการสวมบัตรประจำตัวประชาชนที่จังหวัดภูเก็ต ในราคา 40,000 บาท และต่อมา ได้ทำบัตรประจำตัวประชาชนในชื่อ นายเบเบ เลาซี ที่อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ เสียค่าดำเนินการ 35,000 บาท เพื่ออำพรางตัวในการหลบหนี และทำธุรกรรมต่างๆ จนกระทั่งถูกจับกุมในที่สุด
รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ระบุว่า ผู้ต้องหารายนี้หลบหนีตั้งแต่ปี 2554 จากคดีที่เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหา และยึดเฮโรอีน 43 กิโลกรัม ซุกซ่อนไว้ในช่องลับใต้หลังคารถยนต์ได้ที่อำเภอทุ่งหัวช้าง จังหวัดลำพูน เมื่อวันที่ 7 ก.ค.54 ซึ่งผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ครั้งนี้สารภาพ และให้การซัดทอดว่า ได้รับการว่าจ้างจากนายกิตติพันธ์ ให้ขนเฮโรอีนดังกล่าวไปส่งที่กรุงเทพฯ
โดย นายกิตติพันธ์ ถือเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในเครือข่ายการค้ายาเสพติด และเป็นลูกเขยของนายอะเลผะ หรือนายผี ยี่ป่า ซึ่งเป็นผู้ประสานการค้ายาเสพติด และควบคุมสั่งการอยู่ในแหล่งผลิตยาเสพติดในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งนายกิตติพันธ์ มีบทบาทเป็นผู้จัดการเครือข่ายการค้ายาเสพติด โดยเฉพาะเฮโรอีนให้แก่ นายอะเลผะ ในประเทศไทย
ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีกลุ่มเครือญาติของนายกิตติพันธ์ ที่ร่วมกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและถูกจับกุมได้แล้วหลายครั้ง ซึ่งการจับกุมตัวนายกิตติพันธ์ ได้ในครั้งนี้จึงถือได้ว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการตัดทอนเครือข่ายการค้ายาเสพติดรายใหญ่ โดยจากนี้เจ้าหน้าที่จะมีการขยายผลการจับกุม และติดตามยึดทรัพย์สินของนายกิตติพันธ์ ต่อไป
ส่วนกรณีขบวนการปลอมแปลงบัตรประจำตัวประชาชนที่ดำเนินการให้แก่ นายกิตติพันธ์ ซึ่งเบื้องต้นทราบว่า มีการดำเนินการให้ที่อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ โดยเป็นบัตรที่มีหมายเลขประจำตัวประชาชนขึ้นต้นด้วยเลข 8 ที่หมายถึงบุคคลที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบสถานะนั้น จะทำการสืบสวนขยายผลดำเนินการตามกฎหมายด้วย