บุรีรัมย์ - ชาวบ้าน 3 หมู่บ้านในเขต อ.สตึก จ.บุรีรัมย์สุดทน ร้องถนนลาดยางเข้าตัวอำเภอและจังหวัดชำรุดเสียหายเป็นหลุมบ่อนานกว่า 5 ปี เผยชาวบ้านและนักเรียนประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต บาดเจ็บหลายครั้งแต่ไร้หน่วยงานเหลียวแล จี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบเร่งแก้ไข
วันนี้ (28 มิ.ย. 58) สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลนิคม พร้อมผู้ใหญ่บ้าน ครู นักเรียน และตัวแทนชาวบ้าน 3 หมู่บ้าน ประกอบด้วย บ้านหัวช้าง ม.6, บ้านลิ้นเกี่ย ม.13 และบ้านตำหนัก ม.21 ต.นิคม อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ร่วมกันร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังสุดทนกับสภาพถนนลาดยางซึ่งเป็นถนนสายหลักที่เชื่อมต่อระหว่าง ต.นิคม ต.ร่อนทอง และ ต.หัวฝาย เข้าสู่ตัวอำเภอสตึก และจังหวัดบุรีรัมย์ มีสภาพชำรุดเสียหายเป็นหลุมเป็นบ่อขนาดใหญ่เกือบตลอดทั้งสาย ระยะทางยาวกว่า 6 กิโลเมตร
ทำให้ชาวบ้าน ครู เด็กนักเรียน และผู้ที่สัญจรผ่านไปมาเส้นทางดังกล่าวต้องประสบปัญหาเดือดร้อนหนักเป็นเวลานานกว่า 5 ปีแล้ว โดยเฉพาะหน้าฝนจะมีน้ำท่วมขังตามหลุมที่ชำรุด ทำให้สัญจรไปมาด้วยความยากลำบากทั้งเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ
ที่ผ่านมาเคยมีชาวบ้าน และเด็กนักเรียนขับขี่รถจักรยานยนต์ไปโรงเรียนประสบอุบัติเหตุตกหลุม ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตมาแล้วหลายราย ล่าสุดมีข้าราชการครูที่สอนอยู่โรงเรียนบ้านหัวช้างคนหนึ่งทำหนังสือขอย้ายไปสอนยังโรงเรียนอื่น โดยระบุเหตุผลว่าทนกับสภาพถนนที่ชำรุดไม่ไหวเนื่องจากต้องขับรถเข้า-ออกทุกวัน
จากกรณีดังกล่าวจึงได้เรียกร้องให้ทางจังหวัด หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้ามาสำรวจช่วยเหลือซ่อมสร้างถนนสายดังกล่าวให้สามารถสัญจรไปมาได้อย่างสะดวกเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้าน ครู และเด็กนักเรียนโดยเร็วด้วย
นายอนุชิต วรรณสุทธิ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหัวช้าง กล่าวว่า จากสภาพถนนที่ชำรุดเป็นหลุมบ่อดังกล่าว ทำให้ครู และนักเรียนได้รับผลกระทบในการสัญจรยากลำบาก โดยเฉพาะเด็กนักเรียนที่ขี่รถจักรยานยนต์เดินทางไปโรงเรียนต้องเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
ที่สะเทือนใจมากที่สุดคือ มีข้าราชการครูคนหนึ่งทำหนังสือขอย้าย โดยให้เหตุผลว่าการสัญจรไม่สะดวก จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบเข้ามาสำรวจซ่อมสร้างถนนสายดังกล่าวอย่างเร่งด่วนด้วย
นายประสิทธิ์ แตร่งยอดรัมย์ ผู้ใหญ่บ้าน ม.13 บ้านลิ้นเกี่ย กล่าวว่า ที่ผ่านมาชาวบ้านเคยทำหนังสือร้องขอความช่วยเหลือไปยังองค์การบริหารส่วนตำบลนิคมแล้ว แต่ทาง อบต.ชี้แจงว่าไม่มีงบประมาณเพียงพอที่จะซ่อมสร้างถนนสายดังกล่าวได้ ทำให้ถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาเหลียวแลแก้ไข
จึงได้รวมตัวกันออกมาเรียกร้องให้ทางจังหวัด หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาสำรวจและจัดหางบประมาณซ่อมสร้างถนนสายดังกล่าวให้สามารถสัญจรได้สะดวก
นายภควุฒิ เที่ยงธรรม อายุ 48 ปี ชาวบ้านลิ้นเกี่ย กล่าวว่า ถนนสายดังกล่าวชาวบ้านหลายหมู่บ้าน ตำบล ใช้สัญจรร่วมกัน แต่หลังจากถนนมีสภาพชำรุดเสียหายมานานกว่า 5 ปีก็สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านต้องสัญจรไปมาด้วยความลำบาก ที่ผ่านมาเคยได้ร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมแล้วแต่เรื่องก็เงียบหาย จนถึงขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาเหลียวแลแก้ไขปัญหาความทุกข์ร้อนของชาวบ้านเลย
วันนี้ (28 มิ.ย. 58) สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลนิคม พร้อมผู้ใหญ่บ้าน ครู นักเรียน และตัวแทนชาวบ้าน 3 หมู่บ้าน ประกอบด้วย บ้านหัวช้าง ม.6, บ้านลิ้นเกี่ย ม.13 และบ้านตำหนัก ม.21 ต.นิคม อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ร่วมกันร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังสุดทนกับสภาพถนนลาดยางซึ่งเป็นถนนสายหลักที่เชื่อมต่อระหว่าง ต.นิคม ต.ร่อนทอง และ ต.หัวฝาย เข้าสู่ตัวอำเภอสตึก และจังหวัดบุรีรัมย์ มีสภาพชำรุดเสียหายเป็นหลุมเป็นบ่อขนาดใหญ่เกือบตลอดทั้งสาย ระยะทางยาวกว่า 6 กิโลเมตร
ทำให้ชาวบ้าน ครู เด็กนักเรียน และผู้ที่สัญจรผ่านไปมาเส้นทางดังกล่าวต้องประสบปัญหาเดือดร้อนหนักเป็นเวลานานกว่า 5 ปีแล้ว โดยเฉพาะหน้าฝนจะมีน้ำท่วมขังตามหลุมที่ชำรุด ทำให้สัญจรไปมาด้วยความยากลำบากทั้งเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ
ที่ผ่านมาเคยมีชาวบ้าน และเด็กนักเรียนขับขี่รถจักรยานยนต์ไปโรงเรียนประสบอุบัติเหตุตกหลุม ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตมาแล้วหลายราย ล่าสุดมีข้าราชการครูที่สอนอยู่โรงเรียนบ้านหัวช้างคนหนึ่งทำหนังสือขอย้ายไปสอนยังโรงเรียนอื่น โดยระบุเหตุผลว่าทนกับสภาพถนนที่ชำรุดไม่ไหวเนื่องจากต้องขับรถเข้า-ออกทุกวัน
จากกรณีดังกล่าวจึงได้เรียกร้องให้ทางจังหวัด หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้ามาสำรวจช่วยเหลือซ่อมสร้างถนนสายดังกล่าวให้สามารถสัญจรไปมาได้อย่างสะดวกเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้าน ครู และเด็กนักเรียนโดยเร็วด้วย
นายอนุชิต วรรณสุทธิ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหัวช้าง กล่าวว่า จากสภาพถนนที่ชำรุดเป็นหลุมบ่อดังกล่าว ทำให้ครู และนักเรียนได้รับผลกระทบในการสัญจรยากลำบาก โดยเฉพาะเด็กนักเรียนที่ขี่รถจักรยานยนต์เดินทางไปโรงเรียนต้องเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
ที่สะเทือนใจมากที่สุดคือ มีข้าราชการครูคนหนึ่งทำหนังสือขอย้าย โดยให้เหตุผลว่าการสัญจรไม่สะดวก จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบเข้ามาสำรวจซ่อมสร้างถนนสายดังกล่าวอย่างเร่งด่วนด้วย
นายประสิทธิ์ แตร่งยอดรัมย์ ผู้ใหญ่บ้าน ม.13 บ้านลิ้นเกี่ย กล่าวว่า ที่ผ่านมาชาวบ้านเคยทำหนังสือร้องขอความช่วยเหลือไปยังองค์การบริหารส่วนตำบลนิคมแล้ว แต่ทาง อบต.ชี้แจงว่าไม่มีงบประมาณเพียงพอที่จะซ่อมสร้างถนนสายดังกล่าวได้ ทำให้ถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาเหลียวแลแก้ไข
จึงได้รวมตัวกันออกมาเรียกร้องให้ทางจังหวัด หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาสำรวจและจัดหางบประมาณซ่อมสร้างถนนสายดังกล่าวให้สามารถสัญจรได้สะดวก
นายภควุฒิ เที่ยงธรรม อายุ 48 ปี ชาวบ้านลิ้นเกี่ย กล่าวว่า ถนนสายดังกล่าวชาวบ้านหลายหมู่บ้าน ตำบล ใช้สัญจรร่วมกัน แต่หลังจากถนนมีสภาพชำรุดเสียหายมานานกว่า 5 ปีก็สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านต้องสัญจรไปมาด้วยความลำบาก ที่ผ่านมาเคยได้ร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมแล้วแต่เรื่องก็เงียบหาย จนถึงขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาเหลียวแลแก้ไขปัญหาความทุกข์ร้อนของชาวบ้านเลย