ประจวบคีรีขันธ์ - สัตวแพทย์โรงพยาบาสัตว์หัวหิน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โรงพยาบาสัตว์หัวหิน พร้อมสัตวแพทย์สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เดินทางมาตรวจอาการช้างป่าวัย 3-5 ปี ล้มป่วยสภาพอิดโรยไม่ทราบสาเหตุ ข้างอ่างเก็บน้ำในตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน พร้อมทำการให้น้ำเกลือ 20 ขวด และฉีดยา คาดอาจไปกินผลไม้ที่มีสารเคมี โดยทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานใช้รถแบ็กโฮพยุงช้างป่วยให้ลุกขึ้น แต่เชือกขาดกลางดึกทำให้ช้างเตลิดหนีเข้าป่า
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าหลังจากเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา ด.ต.เดชา แสนแพง ครูฝึกประจำศูนย์ฝึกค่ายฤทธิฤาชัย ป่าละอูหมู่ 3 ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พบช้างป่าที่ออกมาหากิน และล้มป่วยนอนอยู่ข้างอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ภายในค่ายฤทธิลือชัย และแจ้งไปยัง นายกมล นวลใย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน นายวุฒิพงศ์ ศรีช่วย ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน นายมนตรี แสงสวัสดิ์ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน นายทองใบ เจริญดง เจ้าหน้าที่สมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่าประเทศไทย (WCS) นายศราวุธ จิรพิทักษ์กุล ปลัดอาวุโสอำเภอหัวหิน นางสุนันทา พิมพ์ไทย นายก อบต.ห้วยสัตว์ใหญ่ พร้อมชาวบ้านเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุพบช้างป่าเพศเมียอายุประมาณ 3-5 ปี นอนตะแคงเอาด้านขวาลงใกล้กับอ่างเก็บน้ำ สภาพอิดโรย หายใจเหนื่อยหอบ และพยายามตะเกียกตะกายพยุงร่างลุกขึ้นยืนอยู่เป็นระยะแต่ไม่เป็นผล
ในขณะที่ตลอดทั้งวันเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และหน่วยงานเกี่ยวข้องได้รอสัตวแพทย์จากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นานถึง 8 ชั่วโมง จนทางฝ่ายปกครองอำเภอหัวหิน และ อบต.ห้วยสัตว์ใหญ่ ต้องประสานขอความช่วยเหลือไปยังโรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์หัวหิน และสัตวแพทย์สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้ช่วยจัดส่งสัตวแพทย์มาตรวจรักษาอาการช้างป่า เนื่องจากสภาพช้างป่ามีอาการน่าเป็นห่วง
จนกระทั่งช่วงเย็นวานนี้ นายสัตวแพทย์ธนภัทร แซ่ซิ่น จากโรงพยาบาลสัตว์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์หัวหิน พร้อมด้วย นายสัตวแพทย์สาโรจน์ จันทร์ลาด จากสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เดินทางมาถึง และเข้าตรวจสอบอาการช้างป่า พร้อมทั้งทำการให้น้ำเกลือจำนวน 20 ขวด และฉีดยาลดอาการปวด ยาฆ่าเชื้อ รวมทั้งฉีดวิตามิน และยากระตุ้นส่วนต่างๆ ของร่างกาย แต่ช้างป่าที่ป่วยก็ยังคงมีอาการดิ้นเป็นระยะ และไม่สามารถลุกขึ้นได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ได้นำน้ำมารดที่บริเวณตามร่างกายเป็นระยะ และทางสัตวแพทย์ได้วัดไข้พบว่าเป็นปกติ
ต่อมา สัตวแพทย์ และหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พร้อมฝ่ายปกครองอำเภอหัวหิน นายก อบต.ห้วยสัตว์ใหญ่ และเจ้าหน้าที่สมาคมอนุรักษ์สัตวป่าประเทศไทย (WCS) ได้ประชุมและต้องตัดสินใจใช้รถแบ็กโฮมาพยุงให้ช้างป่าลุกขึ้นเนื่องจากล้มนอนมานานกว่า 8 ชั่วโมงแล้ว แต่ในขณะที่เจ้าหน้าที่ และชาวบ้าน ตลอดจนกลุ่มอนุรักษ์ได้พยามร้อยเชือกลำตัวช้างป่าเพื่อผูกกับตัวบุ้งกี๋รถแบ็กโฮให้ยกขึ้นนั้นเชือกที่ผูกเกิดหลุดทำให้ช้างป่าเดินโซซัดโซเซประมาณ 30 เมตร และล้มลงอีกครั้งใกล้บริเวณชายป่า ทำให้ต้องทำการใช้รถแบ็กโฮพยุงช้างป่าให้ลุกขึ้นอีกครั้ง โดยใช้เชือกยึดติดกลับลำตัวของช้างป่ายึดติดกับตัวบุ้งกี๋ของรถแบ็กโฮเอาไว้ ซึ่งสัตวแพทย์เห็นว่าอาการยังไม่ดีขึ้นหากปล่อยให้ช้างหลุดกลับเข้าป่าไปได้ และเกิดไปล้มในป่าจะทำให้การช่วยเหลือเป็นไปด้วยความยากลำบาก โดยมีการเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน คอยดูแลในช่วงกลางคืนที่ผ่านมา เพื่อในวันพรุ่งนึ้จะได้ทำการตรวจดูอาการช้างป่าที่เจ็บป่วยใหม่อีกครั้ง
จนกระทั่งกลางดึกที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานได้รายงานว่า ในช่วงกลางดึกช้างป่าได้พยายามดิ้นจนเชือกขาด และหลุดออกจากที่ผูกไว้กับบุ้งกี๋รถแบ็กโฮ และเดินหายเข้าไปในป่า ซึ่งเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ไม่สามารถติดตามเข้าไปได้ เนื่องจากเป็นช่วงกลางคืน และอาจเกิดอันตรายได้ เนื่องจากในพื้นที่ป่าดังกล่าวมีช้างป่าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
ต่อมา ในช่วงเวลาประมาณ 05.30 น.วันนี้ (22 มิ.ย.) นายกมล นวลใย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พร้อมเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้ติดตามเข้าในป่าในช่วงที่เริ่มมีแสงสว่างแล้วจนพบช้างป่าตัวที่ป่วยล้มอยู่กับพื้นห่างจากจุดที่ผูกติดกับบุ้งกี๋รถแบ็กโฮประมาณ 100 เมตร จึงได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เฝ้าดูแลไว้และแจ้งให้ทางสัตวแพทย์หญิงจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พร้อมทั้งสัตวแพทย์หญิงสำนักอนุรักษ์พื้นที่บริหารที่ 3 สาขาบ้านโป่ง เข้าไปตรวจสอบเพื่อวางแผนรักษาให้การช่วยเหลือช้างตัวที่ป่วยต่อไป
นายสัตวแพทย์ธนภัทร แซ่ซิ่น จากโรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์หัวหิน กล่าวว่า ได้เก็บตัวอย่างเลือดช้างที่มีอาการป่วยไปตรวจสอบ ซึ่งในวันนี้คาดว่าน่าจะทราบว่าสาเหตุเบื้องต้นเกิดจากอะไร เนื่องจากสภาพของช้างป่าที่เดินลงมาล้มใกล้แหล่งน้ำ และอาจเป็นไปได้ว่าไปกินผลไม้ที่มีสารเคมีมาหรือไม่ ซึ่งอาการยังน่าเป็นห่วงอยู่โดยภาพรวม
ด้าน นางสุนันทา พิมพ์ไทย นายก อบต.ห้วยสัตว์ใหญ่ และกลุ่มอนุรักษ์ช้างป่าในพื้นที่กล่าวว่า ตนอยากให้หน่วยงานเกี่ยวข้องจัดสัตวแพทย์ไว้ประจำ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีปริมาณช้างป่าเป็นจำนวนมาก และหากเกิดพบช้างป่าบาดเจ็บ หรือเจ็บป่วยจะได้ทำการตรวจรักษาได้ทัน ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้เวลาที่นานถึง 8 ชั่วโมง แต่ทางสัตวแพทย์กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชก็ยังเดินทางมาไม่ถึง จนต้องร้องขอสัตวแพทย์โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หัวหิน ให้ขึ้นมาช่วยเหลือช้างป่าแทน