บุรีรัมย์ - ปศุสัตว์เขต 3 อีสานใต้ ยืนยัน สตง.อนุญาตให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถนำงบประมาณไปจัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้ามาใช้ในพื้นที่เพื่อป้องกันการระบาดของโรคได้แล้ว หลังเกิดการทักท้วงจาก สตง.ไม่ใช่ภารกิจของท้องถิ่นอาจขัดต่อกฎหมาย
วันนี้ (20 มิ.ย.) นายสมบูรณ์ หลิมวัฒนา ปศุสัตว์เขต 3 ดูแลรับผิดชอบ 8 จังหวัดอีสานตอนล่าง ระบุว่า ขณะนี้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั้งองค์การบริหารส่วนตำบล และเทศบาลทุกแห่ง สามารถอนุมัติงบประมาณนำไปจัดชื้อวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าได้ตามปกติแล้ว หลังเกิดปัญหาสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้มีการทักท้วงว่าการจัดซื้อวัคซีนดังกล่าวไม่ใช่เป็นภารกิจของท้องถิ่น ซึ่งหากมีการดำเนินการอาจจะเข้าข่ายขัดต่อกฎหมายได้ จึงทำให้เกิดการชะลอ และเกิดความสับสน ทำให้ท้องถิ่นไม่กล้าที่จะดำเนินการจัดซื้อ ทั้งในพื้นที่จังหวัดที่มีการแพร่ระบาด และยังไม่มีการระบาดของโรค
ล่าสุด ทางสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน กรมปศุสัตว์ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น และกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการประชุมหารือ และมีข้อสรุปให้ท้องถิ่นสามารถนำงบประมาณไปจัดซื้อวัคซีนดังกล่าวได้ เพื่อนำไปดำเนินการฉีดให้แก่สุนัข และแมว ซึ่งเป็นพาหะนำโรคไม่ให้มีการแพร่ระบาดในท้องถิ่นของตนเองได้
โดยเฉพาะที่จังหวัดบุรีรัมย์ ที่ทางจังหวัดได้มีการประกาศให้เป็นเขตโรคระบาดพิษสุนัขบ้า
มาก่อนหน้านี้แล้ว หลังพบเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าในสุนัข 2 อำเภอ มี อ.โนนดินแดง และ อ.บ้านกรวด โดยทางปศุสัตว์จังหวัด ได้ใช้วัคซีนของกรมปศุสัตว์เร่งเข้ามาดำเนินการป้องกันจนสามารถควบคุมโรคดังกล่าวได้ในวงจำกัดแล้ว
“จากข้อสรุปร่วมกันดังกล่าวเชื่อว่าจะทำให้ปัญหาการเกิดโรคพิษสุนัขบ้าระบาดลดน้อยลง เพราะในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ยอมรับว่าหลัง สตง.ได้มีการทักท้วงทำให้เกิดช่องว่างส่งผลให้ภูมิคุ้มกันของสัตว์เลี้ยงลดลง เพราะทางท้องถิ่นไม่กล้าที่จะนำงบประมาณไปดำเนินการจัดซื้อวัคซีนดังกล่าวเพื่อมาดำเนินการในพื้นที่ของตนเองเพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคต่อไป” นายสมบูรณ์ กล่าวในตอนท้าย