ศูนย์ข่าวภาคเหนือ - ชาวบ้านรอบเหมืองทองอัคราขึ้นโรงพักลงบันทึกประจำวัน หลังเจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อมภาค 3 ยันชัดพบไซยาไนด์ปนเปื้อนน้ำในนาข้าว แถมมีอัตลักษณ์ทางเคมีค่อนไปทางบ่อเก็บกากแร่เหมืองทอง แต่เจ้าหน้าที่กลับไร้ท่าทีช่วยเหลือชาวบ้าน ทำผวาคนของรัฐเอียงข้าง
เย็นวันนี้ (17 มิ.ย.) น.ส.สื่อกัญญา ธีระชาติดำรง ชาวบ้านหมู่ 9 ต.เขาเจ็ดลูก อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร เปิดเผยว่า ตนพร้อมตัวแทนชาวบ้านที่อยู่ใกล้เหมืองทองอัคราเพิ่งเดินทางไปแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานต่อ ร.ต.ท.สุชิน เกศาคม พงส.เวร สภ.ทับคล้อ จ.พิจิตร ว่า ตนได้ร่วมประชุมที่ศาลากลางจังหวัดพิจิตร และรับทราบผลการวิเคราะห์การรั่วไหลของบ่อเก็บกากแร่ ที่ 2 บริษัทอัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) จากคุณภาพน้ำ ดิน และพืช
โดย ดร.ธนพล เพ็ญรัตน์ และทีมงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 3 ได้ข้อสรุปว่า ตัวอย่างน้ำในนาข้าวพบไชยาไนด์ และสรุปได้ว่าไซยาไนด์ที่พบกลางนาข้าวไม่ได้เกิดจากพืช หรือธรรมชาติอย่างแน่นอน รวมทั้งไม่ได้เกิดจากสารเคมีที่ใช้ในเกษตรกร และมีความเข้มข้นสูง มีอัตลักษณ์ค่อนไปทางบ่อเก็บกากแร่มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ตัวแทนของบริษัทอัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ได้ยืนยันต่อที่ประชุมว่า บ่อเก็บกากแร่ของบริษัทไม่ได้เกิดการรั่วไหลแต่อย่างใด
น.ส.สื่อกัญญาเปิดเผยอีกว่า เหตุที่มาแจ้งความไว้เป็นหลักฐานก็เพราะกังวลใจ เนื่องจากตัวแทนรัฐเอนเอียงเข้าข้างบริษัทอัคราฯ เกือบทั้งหมด แม้ว่าผลตรวจจากภาครัฐจะระบุชัดเจนว่ามีไซยาไนด์ ที่ประชุมยังอ้างอีกว่าใช้ไม่ได้ อ้างว่าจะต้องลงไปตรวจใหม่ ทั้งๆ รัฐเคยเรียกร้องจนสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 3 ต้องไปเก็บตัวอย่างซ้ำ ทั้งเมื่อ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา และล่าสุดเมื่อ 29 พ.ค. 58
“อย่างการประชุมวันนี้ จังหวัดพิจิตรเป็นแม่งาน แต่ผู้ว่าฯ พิจิตรได้ส่งให้ตัวแทน คือปลัดจังหวัดพิจิตร มานั่งหัวโต๊ะเป็นประธานฯ รับฟัง พร้อมกับตัวแทนอุตสาหกรรมจังหวัดพิจิตร และตัวแทนทหาร โดยที่วาระสำคัญคือ การเปิดเผยผลการตรวจพิสูจน์ ตามหัวข้อ ไซยาไนด์ในนาข้าว ข้างบ่อเก็บกักแร่แห่งที่ 2 ว่าปนเปื้อนมาจากเหมืองหรือไม่”
น.ส.สื่อกัญญาย้ำว่า ผิดหวัง หลังจากทุกคนในที่ประชุมรับทราบผลตรวจของสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 3 แล้วไม่มีคนของรัฐคนใดมีท่าทีช่วยเหลือชาวบ้านเลย