อุตรดิตถ์ - ที่สาธารณะทองแสนขันถูกรุกครอบครองทั้งป่าแดงเขาโล้น-เขาโล้นห้วยผักหวานกว่า 2 พันไร่ แถมมีชื่อญาติเจ้าหน้าที่ป่าไม้-นายทุนเงินกู้โผล่รับ ส.ป.ก. 4-01 ทั้งที่ไม่ใช่คนจนจริง
นายรังสรรค์ น้อยท่าช้าง รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ป่าคาย อ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) จังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ส่งรายชื่อประชาชนที่บุกรุก และทับซ้อนที่ดินสาธารณประโยชน์มาให้ อบต.ป่าคาย 2,228 ไร่เศษ แยกเป็นการรุกพื้นที่ป่าแดงเขาโล้น บ้านนาป่าคาย หมู่ 4 ราว 1,005 ไร่เศษ และรุกที่ดินป่าเขาโล้นห้วยผักหวาน บ้านวังปรากฏ เนื้อที่ 1,223 ไร่เศษ รวมผู้บุกรุกเข้ายึดครอง 121 ราย บางรายได้รับการจัดสรรไปแล้ว บางส่วนยังไม่ได้จัดสรร
จากการตรวจสอบรายชื่อผู้บุกรุกและยึดครองที่ดินสาธารณประโยชน์ดังกล่าว พบผู้บุกรุกถือครองมากกว่า 3 แปลง และไม่ใช่ผู้ไม่มีอันจะกินหรือยากจน แต่เป็นญาติของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ บางรายเป็นนายทุนปล่อยเงินกู้ในพื้นที่
“ก่อนที่ ส.ป.ก.จะจัดสรรที่ดินให้แก่ผู้บุกรุกตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่เคยสอบถามหรือทำประชาคมก่อนว่าใครสมควรได้รับหรือไม่สมควรได้รับ ส.ป.ก. 4-01 แต่กลับจัดสรรตามอำเภอใจ ประชาชนที่ยากจนไม่มีที่ดินทำกินจริงๆ กลับไม่ได้รับ แต่คนที่ได้กลับเป็นคนไม่เดือดร้อนจริง”
นายรังสรรค์กล่าวว่า บ้านนาป่าคาย หมู่ 4 ซึ่งมีการบุกรุกถือครอง และมีการจัดสรรให้แก่ประชาชน นายทุนไปแล้วบางส่วน นอกจากนี้ พื้นที่ใกล้กับบ่อขยะที่ประชาชนนำไปทิ้งกันเองได้มีการร้องเรียนมายัง อบต.ว่าขยะล้นบ่อ ส่งกลิ่นเหม็น เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคและน้ำเสีย อบต.จึงมีแผนที่จะทำบ่อขยะให้ถูกต้องตามมาตรฐาน โดยการฝังกลบเหมือนกับที่ท้องถิ่นอื่นบริหารจัดการ แต่กลับมีนายทุนผู้ครอบครองพื้นที่ใกล้กับบ่อขยะไปยื่นเรื่องคัดค้านการบริหารจัดการขยะมูลฝอยต่อนายอำเภอทองแสนขัน เพราะเกรงว่าที่ดินที่บุกรุกไปจะถูกยึดคืนมาทำเป็นบ่อขยะอีกด้วย