xs
xsm
sm
md
lg

ตามดูชีวิตสองตายายหลังพ้นคุกเพราะเก็บเห็ดในป่า ยังทุกข์ยากไม่เว้นวัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ชีวิตหลังพ้นโทษชีวิตความเป็นอยู่ยังยากลำบาก  ไม่มีรายได้และไม่มีอาชีพ ด้วยสภาพร่างกายที่ทรุดโทรมและแก่ชรามากขึ้น วอนผู้ใจบุญช่วยเหลือ
กาฬสินธุ์ - ตามดูชีวิตสองตายายเหยื่อความพิกลพิการของกฎหมายไทย หลังติดคุกนานเกือบปีครึ่งโทษฐานเกิดมาจนเก็บเห็ดในป่าสงวนดงระแนง อ.ยางตลาด ไปกิน เผยทุกวันนี้ยังทุกข์ยาก ซ้ำหนี้สินล้น สุขภาพแย่ ไร้อาชีพ

ผู้สื่อข่าวได้ประสานนายบุญช่วย น้อยเสนา สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) กาฬสินธุ์ เขต 2 อ.ห้วยเม็ก และนายบุญยัง ภูเฉิดสาย ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 บ้านหนองกุงไทย ต.โนนสะอาด อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ เพื่อขอติดตามชีวิตความเป็นอยู่ของนายอุดม ศิริสอน อายุ 53 ปี และนางแดง ศิริสอน อายุ 50 ปี สองสามีภรรยาที่ถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ป่าไม้จับกุมระหว่างไปเก็บเห็ดที่บริเวณป่าสงวนแห่งชาติดงระแนง ต้องติดคุกนานถึง 1 ปี 5 เดือน ตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค. 57

โดยพบว่าชีวิตความเป็นอยู่หลังพ้นโทษจากมาจากเรือนจำกาฬสินธุ์ยังอยู่กันอย่างยากลำบาก ไม่มีรายได้ ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง ด้วยสภาพร่างกายที่ทรุดโทรมและแก่ชรามากขึ้น
นายอุดม  ศิริสอน และนางแดง  ศิริสอน สองสามี ที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมระหว่างไปเก็บเห็ด ที่บริเวณป่าสงวนแห่งชาติดงระแนง และถูกดำเนินคดีติดคุกทั้ง ๆ ที่ไม่มีความผิดนานถึง 1 ปี 8 เดือน
นายอุดม หรือตาเรียน เล่าว่า ชีวิตตอนนี้แย่กว่าเดิม ก่อนถูกจับติดคุกประสบอุบัติเหตุถูกรถชนจนมีอาการเลือดออกทางสมอง กระดูกไหปลาร้าฉีก และส่วนอื่นยังไม่หายเป็นปกติ แต่ต้องไปอยู่ในคุก การรักษาตัวก็ลำบากเพราะไม่ได้รับการรักษาต่อเนื่อง ได้กินยาบ้างไม่ได้กินบ้าง สภาพร่างกายตอนนี้หูก็ไม่ค่อยได้ยิน เดินเหินก็ไม่สะดวก เพราะขามีปัญหา และเหนื่อยง่าย

ตอนนี้ไม่มีอาชีพทำกิน แต่ก่อนเคยรับเหมายกบ้าน แต่ตอนนี้ร่างกายและสุขภาพไม่ไหวก็ต้องเลิกไป จะไปเก็บเห็ดเก็บฟืนเหมือนเดิมก็ไม่กล้า เพราะกลัวจะถูกจับติดคุกอีก และตั้งแต่ครั้งนั้นก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้ป่าสงวนอีกเลย กลัวจริงๆ ที่พอมีอยู่มีกินก็อาศัยครอบครัวของน้องสาวภรรยา หาข้าวหาน้ำมาให้กิน พาไปหาหมอ มีหลานชายส่งเงินมาให้ใช้บ้าง แต่ก็ลำบากมาก

หนี้สินเมื่อครั้งที่เจ็บป่วยและติดคุกก็พอกพูนขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่ต้องการตอนนี้เพียงอยากให้ทุกคนเห็นใจ และช่วยเหลือ โดยเฉพาะเรื่องคดีเรื่องการเรียกร้องค่าชดเชย

ขณะที่นายเกษม ศรีภูธร น้องเขยกล่าวว่า หนี้สินที่มีตอนนี้เป็นหนี้จากการกู้ยืม ธ.ก.ส.มาตั้งแต่เมื่อพี่เขยประสบอุบัติเหตุ โดยกู้ในนามพี่สาว และเมื่อถูกจับก็ต้องกู้อีกครั้งโดยตนเองเป็นผู้กู้ เพื่อนำมาเป็นค่าต่อสู้คดี ค่าเดินทาง รวมถึงค่ายารักษาตัวที่จะต้องซื้อยาไปส่งทุกเดือน ตอนนี้หนี้สินเป็นเงินต้นกว่า 100,000 บาท และมีดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายอีก

“ตอนนี้ผมและภรรยาต้องมาดูแลครอบครัวพี่สาวและพี่เขย ไม่ใช่เป็นภาระแต่เป็นสิ่งที่ปล่อยทิ้งไม่ได้ เขาทั้งสองคนไม่มีใครดูแล ไม่มีลูก เงินที่ได้บ้างไม่มากนักก็มาจากลูกชายของผมที่รักลุงและป้าเหมือนพ่อแม่แท้ๆ ส่งเงินมาให้ใช้ ทรัพย์สินที่มีก็เหลือแต่ที่นา 2-3 ไร่ และบ้านที่อาศัยอยู่เท่านั้น”

นายเกษมกล่าวว่า หากถามว่าลำบากมากไหม ก็ลำบากกันมากตั้งแต่ก่อนเข้าคุก เพราะประสบอุบัติเหตุและมาติดคุก รถก็ต้องเช่าต้องเหมาไปเยี่ยมเวลายามเอายาเอาอาหารไปส่ง หมดเงินไปเยอะ อาชีพก็ทำนาได้ปีละครั้ง หลังจากนั้นก็รับจ้างไปวันๆ มีอะไรก็แบ่งกันกินสองครอบครัว ก็ดูแลกันมาอย่างนี้ บางวันเพื่อนบ้านมีกับข้าวเยอะก็มาแบ่งให้บ้าง เป็นน้ำใจที่เขาสงสารพวกเรา

นายบุญช่วยกล่าวว่า ครอบครัวนี้เท่าที่ทราบจากผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านยังมีความลำบากมา เพราะทั้งสองไม่มีอาชีพทำกิน จากการสอบถามยังทราบว่ามีอาการหูตึง ซึ่งก็จะพาไปลงทะเบียนคนพิการเพื่อให้ได้รับเบี้ยผู้พิการที่พอจะช่วยเหลือด้านความเป็นอยู่ได้อีกทางหนึ่ง รวมทั้งการติดตามความคืบหน้าของคดี เพราะสองตายายยังรอความช่วยเหลืออยู่

“เบื้องต้นก็จะพาไปร้องขอความช่วยเหลือที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดอีกทางหนึ่ง ที่จะเป็นการเร่งรัดให้ครอบครัวนี้ได้ผ่านพ้นวิกฤตไปได้ ขณะที่ชาวบ้านในหมู่บ้านนี้ก็ขยาด ไม่กล้าเข้าใกล้ป่าดงระแนงเพื่อไปหาเก็บของป่ามาทำอาหารเหมือนแต่ก่อนจากตัวอย่างที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงป่าดงระแนง ทุกคนจะส่ายหน้าไม่ขอเข้าไปยุ่งเกี่ยว ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดๆ”

นายบุญช่วยกล่าวว่า อย่างไรก็ตามในเรื่องคดีความหรือการเรียกร้องค่าชดเชย คงจะต้องอาศัยผู้ที่เกี่ยวข้องช่วยติดตามความคืบหน้าให้ เพื่อจะได้ใช้เป็นทุนรักษาร่างกายที่เจ็บป่วย และก็อยากจะขอไปถึงผู้ใจบุญทั้งหลายได้เมตตา และให้ความช่วยเหลือครอบครัวนี้ด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น