บุรีรัมย์ - เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจบุรีรัมย์เข้าตรวจสอบหลังได้รับแจ้งว่ามีบุคคลตั้งโต๊ะล่ารายชื่อสมัครโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลคนละ 20 เล่ม เรียกเก็บค่าดำเนินการ 350-400 บาท อ้างต้องถ่ายเอกสารจำนวนมาก มีชาวบ้านสมัครแล้วกว่า 40 ราย ชี้หากมีผู้เสียหายแจ้งความผิดจะถูกจับดำเนินคดีหลอกลวงประชาชน
วันนี้ (12 มิ.ย.) พ.จ.อ.ไชยยันต์ พาสว่าง ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคงสำนักงานป้องกันจังหวัดบุรีรัมย์ หัวหน้าชุดเฉพาะกิจจังหวัดบุรีรัมย์ นำกำลังเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) เข้าตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 121 หมู่ 12 ต.สะแกโพรง อ.เมืองบุรีรัมย์
หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า นายโอเหล็ง แซ่เตียว อายุ 76 ปี เจ้าของบ้านหลังดังกล่าว ได้ออกไปชักชวนชาวบ้านในหมู่บ้านและใกล้เคียงสมัครเป็นเจ้าของโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือลอตเตอรี่ ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ด้วยการให้กรอกเอกสารแบบคำร้อง สล.144 เรื่อง “มอบอำนาจให้รับสลากกินแบ่งรัฐบาล เรียน ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล” โดยจะระบุชื่อเจ้าของโควตา ผู้รับมอบอำนาจ บัตรรับสลากเลขที่ (เจ้าของโควตา)
โดยอ้างว่า “น้องชาย” ซึ่งทำงานขับรถตู้รับจ้างอยู่ในกรุงเทพฯ ได้รับการประสานจากบริษัทแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ซึ่งได้โควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล บอกให้ช่วยหาคนสมัครเป็นเจ้าของโควตาสลากฯ คนละ 20 เล่ม จำนวน 2,000 ใบต่องวด จากนั้นให้กรอกเอกสารแบบคำร้อง สล.144 พร้อมกับแนบเอกสารหลักฐาน ประกอบด้วย สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และสำเนาสมุดบัญชีเงินฝากของธนาคารใดก็ได้ รวบรวมส่งไปให้น้องชาย
ส่วนที่เหลือทางบริษัทจะดำเนินการให้เองทั้งหมด โดยผู้สมัครจะได้รับค่าตอบแทน เดือนละ 4,000 บาทตลอดไป โดยไม่ต้องดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น
นายโอเหล็งกล่าวว่า ได้ออกไปชักชวนญาติพี่น้อง และชาวบ้านในพื้นที่บ้านหนองมะเขือ หมู่ 12 และบ้านหนองเกียบ หมู่ 11 ต.สะแกโพรง มาสมัครเป็นเจ้าของโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลแล้วกว่า 40 ราย ซึ่งหากชาวบ้านสมัครครบ 50 รายก็จะหยุดรับสมัครทันที โดยเก็บค่าสมัครจากชาวบ้านคนละตั้งแต่ 350-400 บาท เป็นค่าดำเนินการถ่ายเอกสารซึ่งต้องใช้เอกสารหลักฐานประกอบเป็นจำนวนมาก
สำหรับการสมัครเข้าเป็นเจ้าของโควตาสลากฯ ครั้งนี้จะเริ่มตั้งแต่งวดวันที่ 16 ก.ค. 2558 เป็นต้นไป ซึ่งหากรับสมัครแล้วไม่ได้ตามที่กล่าวอ้าง ตนก็พร้อมคืนเงินให้ชาวบ้านครึ่งหนึ่ง แต่ยืนยันชาวบ้านที่สมัครทุกรายไม่ติดใจหากจะได้โควตาหรือไม่
ขณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้ทำความเข้าใจกับนายโอเหล็งว่า หากมีชาวบ้านที่เสียประโยชน์จากการรับสมัครโควตาครั้งนี้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายโอเหล็งก็จะต้องถูกดำเนินการเอาผิดตามกฎหมาย “ฐานหลอกลวงประชาชน”