เชียงใหม่ - เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานเข้าตรวจสอบเหตุไฟไหม้ตรอกเหล่าโจ้ว พบเสียหายรวม 5 คูหา มีม้วนผ้าเก็บไว้ในอาคารนับหมื่นม้วน คาดเสียหายไม่ต่ำกว่า 20 ล้าน/ราย ไม่รวมอาคารที่อยู่ในย่านเศรษฐกิจ เผยเป็นอาคารเก่าสร้างมาร่วมครึ่งศตวรรษ ไม่ได้เปลี่ยนสายไฟ เตรียมให้วิศวกรตรวจโครงสร้างอีกรอบ จังหวัดฯ เทศบาลฯเล็งตรวจอาคารเก่าทั่วเมืองป้องกันเหตุซ้ำรอย
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (6 มิ.ย.) พ.ต.ท.ฐานันดร วิทยาวุฑฒิกุล นักวิทยาศาสตร์ (สบ 3) หัวหน้าพิสูจน์หลักฐาน จ.เชียงใหม่ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเชียงใหม่ เทศบาลนครเชียงใหม่ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบบริเวณ ร้าน ซี.เอ็ม.บาซาร์ ในตลาดวโรรส กลางเมืองเชียงใหม่ ที่ถูกไฟไหม้ และลุกลามไหม้ร้านขายผ้าข้างเคียงอีก 4 คูหา ที่เป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้นติดกัน
โดยพบว่า เหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้มีร้านขายผ้าได้รับความเสียหายหนัก 3 ร้าน คือ ร้านซี.เอ็ม.บาซาร์ ต้นเพลิง ร้านบางกอก บาซาร์ และร้านการาจี ส่วนอีก 2 ร้าน คือ ร้านนีน่า และร้านโอเค ซึ่งเป็นที่เก็บม้วนผ้าถูกไฟไหม้ลุกลามชั้นบนได้รับความเสียหาย รวมทั้งหมด 5 คูหา มีม้วนผ้าที่เก็บไว้ในร้านนับหมื่นม้วน ยังไม่รวมตัวอาคารที่อยู่ในย่านเศรษฐกิจสำคัญของเชียงใหม่ ที่มีการซื้อขายกันในราคาห้องละไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท
นอกจากนั้น ยังมีร้านค้าภายในตลาดวโรรสที่อยู่ด้านหลังจุดที่เกิดไฟไหม้ ต้องปิดร้านค้ากว่า 10 ล็อก เนื่องจากสินค้าส่วนใหญ่ถูกน้ำที่ใช้ดับฉีดเพลิงได้รับความเสียหาย และจุดเกิดเหตุยังห้ามบุคคลภายนอกเข้า เพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย เนื่องจากยังมีไฟคุกรุ่น ผนังปูน และเสาเริ่มระเบิดจากความร้อน จนเห็นเหล็กโครงสร้าง และหากมีการรื้อซากผ้าออก ทางโยธาธิการจังหวัดเชียงใหม่ ก็จะให้วิศวกรเข้าไปตรวจสอบโครงสร้างของอาคารว่ามีความปลอดภัยหรือไม่อีกครั้ง
พ.ต.ท.ฐานันดร กล่าวว่า ในขณะนี้สภาพโครงสร้างได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ทำให้ในการเข้าไปพิสูจน์หลักฐานยากลำบาก เพราะจากการตรวจสอบโครงสร้างจากกรมโยธาแล้ว พบว่ามีรอยแตกร้าวของปูนที่บริเวณกำแพง จึงทำให้การเข้าไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุเป็นไปได้ยาก
เมื่อสอบถามต่อทางเจ้าของร้านก็บอกว่า ภายในร้านมีแค่กล้องวงจรปิด และแฟกซ์ อยู่เพียง 1 เครื่องเท่านั้น เพียงแต่ขณะนี้อาจจะยังตรวจสอบไม่ได้เนื่องจากซากม้วนผ้า และวัสดุก่อสร้างที่ยังทับถมกันอยู่ และต้องคำนึงถึงความปลอดภัยมาก่อนเป็นหลัก
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสอบสวนต้นเพลิงน่าจะเกิดบริเวณชั้นล่างของร้าน ซี.เอ็ม.บาซาร์ ขณะเกิดเหตุได้ปิดร้านแล้ว ไมมีพนักงานอยู่ในร้าน สาเหตุน่าจะเกิดจากระบบไฟฟ้าลัดวงจร เพราะเป็นอาคารเก่าที่สร้างมานานกว่า 40 ปี และไม่มีการเปลี่ยนสายไฟฟ้า
ด้านนายไพศาล สุรธรรมวิทย์ เลขานุการนายกเทศมนตรี เทศบาลนครเชียงใหม่ บอกว่า หลังจากตรวจสอบพบว่า ในขณะเกิดเหตุ (5 มิ.ย.) ร้านต้นเพลิงได้ปิดร้านเวลาประมาณ 5 โมงเย็น และหลังจากปิดร้านปรากฏว่า มีไฟ และกลุ่มควันมาจากทางด้านหลังร้านก่อนเข้าไปในตัวร้าน และผู้พบเห็นเหตุการณ์จึงได้แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของเทศบาลนครเชียงใหม่ให้มาดับไฟบริเวณจุดที่เกิดเหตุ
“หลังจากที่ลองคาดการณ์ความเสียหายน่าจะตกอยู่ที่ร้านค้าละ 20 ล้านบาท เพราะจากการสอบถามไปยังเจ้าของ บอกว่า ผ้าบางชนิดมีราคาม้วนละ 3,000-4,000 บาทต่อม้วน และในเบื้องต้น ยังไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัดถึงการเกิดเหตุเพลิงไหม้ต้องรอให้ทางพิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบอีกครั้ง”
ส่วนการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ในขณะนี้จะนำผ้าที่อยู่บนตัวอาคารลงมาไว้ข้างล่างก่อน เพื่อรักษาความสมดุลของตัวอาคาร เพราะผ้าที่เปียกชุ่มน้ำอาจทำให้ตัวอาคารทรุดตัวลงมาได้ ส่วนในระยะยาว ขณะนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดไ ด้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงเรื่องอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต และในอีก 2-3 วัน จะได้มีการประชุมใหญ่เพื่อวางแผนในการระวังป้องกันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีก โดยออกตรวจอาคารพาณิชย์ที่มีการก่อสร้างมานานเกี่ยวกับระบบสายไฟฟ้า ซึ่งมีความเสี่ยง เพื่อป้องกันอัคคีภัย
ทั้งนี้ มีรายงานเจ้าของร้านขายผ้าที่ได้รับผลกระทบ และมีม้วนผ้าที่ได้รับความเสียหายจากการเปียกน้ำอาจนำมาเลหลังขายในราคาถูกต่อไป